Search Results
126 results found with an empty search
- TOKYO: SHIBUYA
The Back-streets of Shibuya ห้าแยก Shibuya อาจมีภาพจำในฐานะแยกอันคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เดินข้ามถนนกันหนาแน่นที่สุดในโลก แต่ใครจะรู้ว่าหากเราเดินหลบความโกลาหลมาเพียงนิดเดียว อีกด้านที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงของ Shibuya ก็รอคอยให้ชาว Hopsters ค้นพบอยู่อย่างเงียบๆ Kamiyama Street ถนนแสนเก๋ ไอเท่มลับแห่ง Shibuya จากห้าแยก Shibuya ให้เดินตรงผ่านร้าน H&M ขึ้นไปประมาณ 500 เมตร ก็จะพบกับถนนที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่เท่ๆหลากหลายสไตล์ ØL by Oslo Brewing Co. ร้านคราฟท์เบียร์ (มีกาแฟอร่อยๆเสิร์ฟด้วยนะ) ที่มีส่วนผสมของความเป็นญี่ปุ่นและ Scandinavian ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่นและมีสไตล์ไปพร้อมๆกัน Location: https://g.page/oltokyo?share SPBS (Shibuya Publishing & Book Sellers) แหล่งรวมหนังสือ และสินค้าดีไซน์กุ๊กกิ๊ก ลิมิเต็ด เอดิชั่นที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างมีรสนิยม สำหรับคนที่รักงานสิ่งพิมพ์สวยๆ ก็คงเพลิดเพลินอยู่ในร้านนี้ได้จนลืมเวลา แม้ไม่รู้ภาษา แต่เราก็รับรู้ได้ถึงความตั้งใจที่อยู่ในหนังสือแต่ละเล่มที่เราหยิบขึ้นมาดู ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับงานออกแบบล้ำๆ แมกาซีนแฟชั่นเปรี้ยวจี๊ด รวมไปถึงหนังสือเด็ก หนังสืออาหาร หนังสือรูปถ่าย รูปวาดหรือกระทั่งนิยายและการ์ตูนญี่ปุ่น Location: https://goo.gl/maps/HgnvhJ8sq8CCpQAE6 Coffee Supreme Tokyo แบรนด์ร้านกาแฟสัญชาตินิวซีแลนด์ที่เราปลื้มในรายละเอียดแบรนดิ้ง ตั้งแต่โลโก้ ของพรีเมี่ยมต่างๆ เราซื้อกระป๋องเก็บเมล็ดกาแฟที่พนักงานบอกว่าพ่นสีด้วยมือทุกชิ้น ขนาดเก้าอี้ในร้านยังเจาะเป็น silhouette ของโลโก้เลย เอ่อออ ลืมบอกไปว่ากาแฟก็อร่อยถูกใจเชียวล่ะ Location: https://goo.gl/maps/vDvTabRJMnLg4ejEA Camelback Sandwich & Espresso อยู่ติดกับร้าน Coffee Supreme เลย ร้านเล็กๆแต่ชื่อเสียงโด่งดังเรื่องแซนด์วิช โดยเฉพาะแซนด์วิชไข่ที่ฟังดูเรียบง่ายแต่อร่อยอย่าบอกใคร และกาแฟเอสเพรสโซ่รสเข้ม(มาก) Location: https://goo.gl/maps/c2NyrDkCU8A1QQGh8 ร้านค้ามือสองก็มีมาให้เห็นเป็นระยะๆ Monocle Shop Tokyo ช้อปและสำนักงานของนิตยสารชื่อดังที่มีเพียงไม่กี่สาขาในโลก ในร้านนอกจากจะมี Monocle อิชชู่ย้อนหลังต่างๆแล้ว ยังคัดของอื่นๆมาขายด้วยตั้งแต่ กระเป๋า เครื่องเขียน น้ำหอม และสินค้าเฉพาะที่ร่วมกับศิลปินหรือแบรนด์ญี่ปุ่น แอบกระซิบนิดนึงว่าราคาค่อนข้างสูง Location: https://goo.gl/maps/s9X8b6ShDYP9NkYe7 EW.Pharmacy ร้านดอกไม้แห้งเท่ๆ ที่ให้อิสระกับลูกค้าในการเลือกผสมชนิดของดอกไม้หลากสีสันได้ตามความชอบ และงบประมาณ หรือจะซื้อแบบที่ร้านจัดไว้ให้แล้วก็ได้ นอกจากจะมีแบบจัดเป็นช่อแล้ว ยังสามารถเลือกให้จัดดอกไม้ใส่ซองใส หรือแช่น้ำมันในขวดโหลขนาดต่างๆอีกด้วย Location: https://goo.gl/maps/i1pxMQnVJ6kY2DAN6 & CHEESE STAND アンドチーズスタンド ร้านขายชีสที่ไม่ได้มีแค่ชีสเปล่าๆ แต่ยังมีเครื่องดื่ม ขนมทานเล่น อาหารต่างๆที่ทำมาจากชีส รวมไปถึงไวน์ ใครชอบชีสควรแวะ! Location: https://goo.gl/maps/yMQG7jgqcmisfrG77 CIA Inc. / the Brand Architect Group บริษัทแบรนด์ดิ้งชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ได้รับรางวัลต่างๆมากมาย Location: https://goo.gl/maps/MWvnWgV8H15H6YAq7 Fuglen Tokyo ร้านกาแฟชื่อดังจาก Norway ที่มีเพียงไม่กี่สาขาในโตเกียว Location: https://g.page/Fuglen_Tokyo?share Jinnan ย่านสตรีทแบรนด์แห่งชิบูย่า เพียงเดินลัดเลาะจากถนน Kamiyama มาประมาณ 10 นาที เราก็จะได้พบกับอีกย่านที่อาจจะไม่ลับเท่าไหร่ เพราะเต็มไปด้วยร้าน Street Brands ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะแบรนด์ญี่ปุ่นเจ้าถิ่น อย่าง Journal Standard, Beams, Urban Research, Studious หรือจะเป็นแบรนด์เท่ๆจากฝั่งตะวันตกอย่าง Pilgrim Surf+Supply, MHL, SUPREME, Acne Studios Blå Konst ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่เตรียมเงินและเวลาไปเยอะๆก็พอเนอะ atelier Head porter Roasted Coffee Pilgrim Surf+Supply Beams Supreme Margaret Howell แบรนด์เสื้อผ้า ไลฟ์สไตล์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ แต่ชาวญี่ปุ่นซื้อลิขสิทธิ์มาทำมาเกตติ้งเอง จนแบรนด์มีชื่อเสียงติดตลาดวัยรุ่นในที่สุด และข้างๆกันก็มีคาเฟ่ของนางด้วยนะ ลองไปแวะชิลกันได้ สาขานี้พนักงานบริการน่ารัก เป็นกันเองสุดดดดดด Location: https://goo.gl/maps/Hg9kJ2UvY2UfYWn27 วันนี้แค่นี้ก่อนละกันเนอะ คราวหน้าเราจะพาไป #hop ย่านไหน ก็ต้องติดตามกันต่อนะจ๊ะ รับรองว่า hip ไม่แพ้กันแน่นอน เพราะถ้าไม่ hip เราก็ไม่ hop ไปให้เสียเวลาหรอก จริงมะ? 555 :-) Facebook: @hoparound.co Instagram: @hoparound.co Website: www.hoparound.co #LetsHoparound#LetsHoparoundTokyo#Shibuya#เที่ยวโตเกียว#ย่านชิบูย่า#Tokyo#รีวิวโตเกียว#โตเกียวไปไหนดี#เที่ยวชิบูย่า#รีวิวชิบูย่า#รีวิวย่านชิบูย่า
- TOKYO: NAKA-MEGURO
Hopāround Tokyo Series ของเราในวันนี้ ขอนำเสนอย่านเดินเล่นน่ารักบรรยากาศดีงาม เพราะอยู่ริมคลองกลางเมือง แถมยังมีต้นซากุระต้นใหญ่ให้ร่มเงาไปตลอดสองฝั่งคลอง ที่นี่... Naka-Mekuro แน่ล่ะว่าย่านนี้นั้นเป็นย่านที่โด่งดังเรื่องการเป็นแหล่งชมซากุระ แต่ในฤดูกาลอื้นๆ Naka-Meguro ก็ซ่อนเสน่ห์ที่แตกต่างไปให้ค้นหา ไม่ว่าจะเป็นความเขียวชอุ่มร่มรื่นในฤดูร้อน หรือความอร่ามเหลืองทองในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ได้มีเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้น Naka-Mekuro ยังเรียงรายไปด้วยร้านรวงเล็กๆน้อยๆมากมาย ตั้งแต่ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ทั้งมือหนึ่ง และมือสอง เรียกได้ว่าแต่ละร้านก็คัดสรรกันมาเอาใจลูกค้าแบบไม่ยอมกันเลยล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เรา #hop ไป Naka-Mekuro กันเลยดีกว่าาาา ใต้สถานีรถไฟ Naka-Meguro Station ก็มีร้านให้สำรวจเยอะแยะไปหมดเลย ร้านนี้ก็เป็นร้านแกงกะหรี่อร่อยๆ ให้เพื่อนๆได้รองท้องก่อนไปเดินเล่นกันยาวๆๆๆ มาเริ่มกันที่ร้านกาแฟชื่อดัง Onibus Coffee ร้านนี้ไม่ได้โดดเด่นแค่เมล็ดกาแฟที่เค้าคั่วเอง แต่บาริสต้าเค้าก็การันตีไปด้วยรางวัลมากมายเลยนะ !! ร้านเล็กๆ หลบอยู่ในมุมถนน ใครหาไม่เจอ ให้มาลงสถานี Naka-Meguro Station ออกทาง East Exit 2 แล้วเลี้ยวขวา ตรงมาตามทางรถไฟเรื่อยๆ ก็ถึงละ MHL. ใต้สถานีนี้สาขาไม่เล็กไม่ใหญ่ พอให้เสียตังค์ได้อยู่ แต่โชคดีเรามากันตอนซัมเมอร์เซลล์กันพอดี ร้านนี้แนะนำเลยสำหรับใครที่ชอบความมินิมอล กระเป๋าสวย เสื้อก็สวย เป็นแบรนด์ใหม่ในเครือ Porter (แบรดน์กระเป๋าชื่อดังของญี่ปุ่น)ด้วยนะ บรรยากาศดีมากกกกกก ใครมาช่วงซากุระบานคงฟินน่าดู . #LetsHoparoundTokyo #NakaMeguro #Tokyo #Letshoparound
- The TRUNK Market
รอบล่าสุดที่เราไปเที่ยวฮิโรชิมะ เราบังเอิญเดินเจอกับตลาดนัด The TRUNK Market ครั้งที่ 13 พอดี เป็น flea market ที่รวมเอางานโอทอปงานคราฟของหลากหลายเมืองทั่วญี่ปุ่น ร้านอาหาร กาแฟต่างๆ รวมไปถึงแบรนด์ดีๆ เช่น The North Face Standard, Sandqvist, 1LDK, Snow Peak, MHL, A.P.C. และยังมีบูทของ POPEYE magazine มาจอยด้วยนะ งานนี้จะจัดปีละสองครั้งทุกเดือน 5 กับเดือน 11 ซึ่งแต่ละครั้งเขาก็จะหมุนเวียนสับเปลี่ยนแบรนด์ไปเรื่อยๆ เรารักความไม่เคอะเขินของงานดีไซน์ที่เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนที่นี่ได้อย่างแนบเนียน แบรนด์ดังๆจากต่างประเทศก็มีนะ อย่างเช่นนี่แบรนด์ Sandqvist จาก Scandinavian กระเป๋าที่หลายคนอาจจะเคยคุ้นตามาก่อน ร้านขายของสดก็มีมา เฟอร์นิเจอร์มือหนึ่งมือสองก็มีนะ บรรยากาศงานอบอุ่นดี มีเพลงเล่นสดตลอดทำให้รู้สึกไม่อึดอัด เดินเพลินดี งานนี้จัดอยู่ตรงสวน FUKUROMACHI PARK ใจกลางเมืองฮิโรชิมะเลย ใครมีแพลนจะมาเที่ยวเล่นเมืองนี้ ลองเช็คได้ที่เว็ปไซต์ trunkmarket.net ได้เลย FB/IG @hoparound.co Website www.hoparound.co . #LetsHoparoundJapan #LetsHoparound #Travel #WestJapan #Japan #TheTRUNKMarket #Hiroshima
- JR WEST PASS
เที่ยวญีปุ่นครบรสด้วยตั๋ว Kansai – Hiroshima Area Pass. เมืองใหญ่ๆในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น มักเป็นสถานที่ยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าภาคตะวันตกของญี่ปุ่นนั้นก็มีเสน่ห์น่าหลงไหลจนเราอยากกลับไปซ้ำๆ แถมไปง่ายด้วยรถไฟ JR ผ่านพาส Kansai-Hiroshima Area Pass แบบ 5 วันติดต่อกัน ราคา 13,700 เยน (ประมาณ 3,8xx บาท) . วันนี้ Hoparound ขออาสาพาเพื่อนๆไปเที่ยว และรีวิวการใช้เจ้าพาสตัวนี้กัน เพื่อเพื่อนๆจะได้เห็นอีกมุมของญี่ปุ่นที่ดีงามไม่เหมือนใคร คนที่มีพาสนี้สามารถใช้นั่งรถไฟ JR รวมไปถึง Shinkansen ได้ด้วย(Shin-Osaka⇔Hiroshima) พาสนี้ใช้ได้ตั้งแต่ Hiroshima - Okayama - Takamatsu - Himeji - Kinosakionsen - Kyoto - Amanohashidate - Tottori - Kishi - Shirahama - Kii-Katsuura - Nara เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ แต่ถ้าใครไปหมดนี่ก็คงจะได้แค่เช็คอิน ยังไม่ทันไม่ค่อยได้เต็มอิ่มกับแต่ละสถานที่เท่าไหร่ ฉะนั้นทริปนี้เราจึงเลือกแวะตามจุดพิกัดและเมืองเด็ดๆ เท่านั้น และเนื่องจากพาสใช้ได้แค่ 5 วันเท่านั้น เราจึงเลือกใช้โดยสารรถไฟไปเมืองที่มีระยะไกลๆ (กลัวไม่คุ้ม แหะๆ) เพื่อนๆสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดตั๋วได้ที่ https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai_hiroshima/ แพลนเที่ยว 10 วันของเราเริ่มต้นด้วย DAY 1: ไปเดินเล่นพักผ่อนนอนโรงแรมเก๋ๆกันที่ Hiroshima DAY 2: ไปปั่นจักรยานข้ามเกาะสุดชิลที่ Onomichi DAY 3-4: นั่งชินคันเซนไปเที่ยวเมืองหลวงเก่าอย่าง Kyoto DAY 5: นั่งรถไฟขึ้นไปเที่ยวเมืองเล็กๆตอนเหนือสุดอย่าง Amanohashidate DAY 6: ตื่นเช้าไปนั่งเรือชมวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่น ที่หมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุด INE DAY 7: เช้าวันต่อมาก็นั่งรถเข้าไฟยาวเข้าเมืองหลักอย่าง Osaka DAY 8-9: ไปเที่ยวกินเนื้อดีๆในเมือง Kobe พร้อมแวะช็อปปิ้งที่เอ้าท์เล็ทสุดครบที่ Sanda DAY 10: ปิดท้ายด้วยเมืองแห่งมรดกโลก Nara (เราใช้พาสเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัด แพลนวันที่ 3-7 ) รอบนี้เราเลือกบินลง Hiroshima โดยสารการบิน Silk Air ในเครือ Singapore Airlines ซึ่งบริการดีไม่แพ้สายการบินแม่เลย และบินกลับจาก Osaka โดย Singapore Airlines เราจองก่อนเดินทาง 4 เดือน เลยได้ตั๋วราคาดีมาก เพียง 12,XXX บาท รวมทุกอย่าง ทั้งน้ำหนักกระเป๋า 30 กิโลกรัม และอาหาร 4 มื้อรัวๆ หลังจากแลนดิ้งที่สนามบินฮิโรชิมะตอนประมาณ 9:00 เราก็นั่งรถบัสเข้าเมือง แล้วก็เช็คอินเข้าโรงแรมเลย วันแรกก็ชิลๆไปก่อน เดินเล่นในเมือง จิบกาแฟดีๆ กินของอร่อยๆ โดยเราจะพักที่เมืองนี้ 2 คืน โชคดีที่ไปตรงกับงานตลาดนัด The TRUNK Market ครั้งที่ 13 พอดี งานนี้รวบรวมเอางานคราฟท์คุณภาพจากหลากหลายเมืองทั่วญี่ปุ่นมานำเสนอ ตั้งแต่อาหารการกิน ไปจนถึงงานดีไซน์ข้าวของต่างๆที่น่าสนใจ รวมทั้งสินค้าพิเศษจากแบรนด์ดีๆ เช่น The North Face Standard, Sandqvist, 1LDK, Snow Peak, MHL, A.P.C. และยังมีบูธของ POPEYE magazine มาจอยน์ด้วยนะ เราสะดุดตากับความน่ารักของเสื้อยืด POPEYE ก็เลยจัดมาหนึ่ง งานนี้จะจัดปีละ 2 ครั้ง (น่าจะทุกเดือน 5 กับ เดือน 11) ซึ่งแต่ละปีก็จะหมุนเวียนสับเปลี่ยนแบรนด์ไปเรื่อยๆ และงานครั้งนี้จัดอยู่ตรงสวน FUKUROMACHI PARK ใจกลางเมืองฮิโรชิมะเลย ใครมีแพลนจะมาลองเช็คได้ที่เว็ปไซต์ trunkmarket.net ได้เลย ตื่นเช้ามาอีกวัน ก็เตรียมตัวเดินทางไป Onomichi เมืองท่าเล็กๆ สวรรค์นักปั่นริมฝั่งอ่าว Setouchi เรามีแพลนที่จะปั่นจักรยานเล่นกันที่นี่ ทั้งปั่นชมในตัวเมืองและปั่นตามเส้นทาง Shimanami Kaido ที่เชื่อมเกาะต่างๆในอ่าวเอาไว้โดยมีระยะทางกว่า 70 กม. (แต่รอบนี้เราขอแค่ 10 กม. พอก่อน 555) ว่ากันว่าเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางสำหรับปั่นจักรยานสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลย Shimanami Kaido เป็นเส้นทางปั่นระยะทาง 70 กิโลเมตรที่เชื่อม 8 เกาะน้อยใหญ่ระหว่างเกาะหลัก (Honshu) ไปยังเกาะ Shikoku ผ่าน 6 สะพานที่จะนำเหล่านักปั่นเข้าสู่แต่ละเกาะ ซึ่งเส้นทางนี้ นักปั่นจะได้พบกับเส้นทางราบ เลียบชายฝั่งที่มีทิวทัศน์งดงาม ที่นี่มีลมทะเลที่จะเพิ่มความท้าทาย (แต่ไม่อันตราย) รวมไปถึงทางขึ้นเขาอันลาดชัน ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของหมู่เกาะน้อยใหญ่และท้องทะเลที่สวยงามในมุมที่หลากหลายในการเลี้ยวแต่ละครั้ง วันต่อมาเราใช้พาสไปยังเมืองหลวงเก่า KYOTO โดยการนั่งรถไฟชินคันเซ็นแบบไม่จองที่นั่ง ไปที่เมือง Shin-Osaka และจากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟธรรมดาไปยังสถานี Kyoto Station เกียวโตเป็นหนึ่งในเมืองโปรดที่สุดของเราที่ได้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีอะไรให้เที่ยวให้ดูเยอะมาก ไปไม่ครบซักที เราเคยเขียนเกี่ยวกับเกียวโตลงในโพสต์แยกก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าเพื่อนๆสนใจก็ตามลิงค์นี้ไปอ่านกันได้ KYOTO 2017 เดินเที่ยวเมือง เข้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต นั่งรถไฟชมวัดอันเก่าแก่ ดื่มกาแฟดีๆ กันสองวัน จากนั้นวันที่ 5 เราก็นั่งรถไฟไปยังเมือง Amanohashidate เปลี่ยนที่พัก เปลี่ยนมู้ด ไปนอนโรงแรมเก่าแก่สไตล์เกียวโตกัน คืนนี้เรานอนกันที่โรงแรม Amanohashidate hotel สองคืน ที่นี่เป็นเมืองเงียบๆ แต่สะอาด สะดวก สบายสุดๆ เหมาะแก่การพักผ่อนมาก แถมในโรงแรมยังมีบ่อออนเซ็นช่วยสลายความเหนื่อยล้าอีก ตื่นเช้ามาวันที่ 6 วันนี้เรามีแพลนที่จะไปเที่ยวหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ทางตอนเหนือสุดของเกียวโต INE FUNAYA บอกเลยว่าที่นี่พิมพ์เล่าเป็นตัวอักษร หรือเอารูปมาอวดยังไงก็ไม่ฟินเท่าไปสัมผัสประสบการณ์จริงๆด้วยตัวเอง เพราะมันเงียบสงบ และสวยงามมากจริงๆ เช้าวันที่ 7 วันนี้เราจะเข้าโอซาก้ากันแล้ววววว โดยนั่งรถไฟ JR ไปยังเมือง Osaka เมืองใหญ่อันดับสองรองจากโตเกียว โดยเราจะนอนที่นี่ในคืนที่เหลือ ไว้จะมาลงลึกให้ฟังกันอีกทีว่าโอซาก้ามีอะไรน่าโดนกันบ้าง บอกได้เลยว่าเล่ายังไงก็ไม่มีทางครบหรอก เช้าวันถัดมาเราจะไปช้อปปิ้งที่ Kobe Sanda Premium Outlet ที่นี่มีแบรนด์เนมครบ และใหญ่มากๆ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวกว่า 90% เป็นชาวญี่ปุ่น เราใช้เวลาครึ่งวันอยู่ที่นี่ พูดถึงเรื่อง Shopping แล้ว Kobe นั้นไม่เป็นเป็นสองรองใคร เพราะเป็นเมืองท่าที่คนมีเงินอยู่กันเยอะ แบรนด์ต่างๆจึงค่อนข้างมีหน้าร้านอยู่กันครบครันจนน่าประหลาดใจ จากนั้นเราก็นั่งรถบัสลงไปยังเมืองท่า KOBE พร้อมกินเนื้ออร่อยละลายในปากที่ร้าน Steak land Kobe ที่เชฟจะมาปรุงกันสดๆ หน้าเราเลย ใครมาไวก่อนมื้ออาหารก็ไม่มีคิวนะ แล้วก็เดินชิลในเมือง ดื่มกาแฟ วันสุดท้าย เราก็ไปปิดทริปกันที่เมืองเก่ามรดกโลก ก็คือ Nara นั่นเอง เพียง 1 ชั่วโมงบนรถไฟจากโอซาก้าก็มาถึงอย่างสบายๆ ครั้งนี้เราได้ไปเที่ยว สวนสาธารณะ Nara ที่มีน้องกวางเต็มไปหมด ต่อด้วยวัด Todaiji วัด Kofukuji แล้วพักกินโอโคโนมิยากิ และเดินเล่นกันในเมืองนาระ ก่อนจะนั่งรถไฟกลับไปโอซาก้าในช่วงเย็นๆถือเป็นการจบการใช้ Pass นี้อย่างคุ้มค่า 5 วันกับ 8 เมืองที่มีอรรถรสหลากหลายนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเงิน 3,8xx บาทที่ลงทุนไปกับตั๋ว Kansai-Hiroshima Area Pass นั้นคุ้มเกินคุ้ม ขอบคุณชาว #hopsters ที่ติดตามกันมาตลอด เจอของดีก็ต้องบอกต่อเนอะ วันนี้เอาภาพใหญ่ๆไปก่อน แล้วเราจะมาเจาะลึกแต่ละเมืองกันอีกทีนะ FB/IG @hoparound.co Website www.hoparound.co . #LetsHoparoundJapan #LetsHoparound #Travel #WestJapan #Japan #Kansai #Hiroshima #JRwestPass
- TOKYO: OMOTESANDO - AOYAMA
มา #hop ต่อกันใน Tokyo Series กับ 2 ย่านช้อปปิ้ง 2-in-1 อันดับหนึ่งในใจเรา เพราะที่นี่คือที่สุดของความดีงาม เดินเพลิ้นนนน...เพลิน หันไปทางไหน ก็ดูน่าสนใจไปทุกทิศ ร้านรวงต่างๆล้วนแสดงคาแรคเตอร์โดดเด่นเป็นตัวเอง แตกต่างหลากหลายแต่เข้ากันได้อย่างประหลาด สอดประสานเป็นท่วงทำนองแห่ง Lifestyle ที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและรสนิยม (ถ้ายิ่งมีเงินมาช้อปด้วยก็จะยิ่งฟินหนักไปอีก) Omotesando และ Aoyama ตั้งอยู่บนเนินที่ลาดเล็กน้อย ทำให้เมืองดูมีมิติขึ้นแต่ก็ไม่ทำให้การเดินเท้ายากลำบาก ถนนเส้นหลักที่ตัดทะลุทั้ง 2 ย่านนั้น เรียงรายไปด้วยแบรนด์ใหญ่ๆทั้งอินเตอร์และโลคอล ต่างก็งัดทีเด็ดมาอวดกันตั้งแต่ตัวอาคารที่ดีไซน์สุดล้ำ มีความ Iconic ไปจนถึงการตกแต่งภายในที่เชื้อเชิญให้หันไปดูตลอดทาง สินค้าด้านในร้านก็มักจะ “ครบ” ที่สุดเมื่อเทียบกับร้านในย่านอื่นๆ ของพวก Limited Edition/Japan Only ก็มักจะพบได้ใน 2 ย่านนี้ ตรอกซอกซอยที่แตกแขนงออกจากถนนหลักก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน เพราะมันช่างดกอุดมไปด้วยร้านรวงเฉพาะทางมากมาย ทั้งร้าน Street Fashion เฉพาะกลุ่ม ร้าน Sneaker หายาก ร้านกระเป๋าเท่ๆ ร้านของเล่นของสะสม ร้านเสื้อผ้ามือสอง ร้านขนมเก๋ๆ คาเฟ่คูลๆ ร้านอาหารหลากสัญชาติ ร้านดอกไม้สวยๆ ร้านงานฝีมืออาร์ทๆ ร้านรวมของดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ร้านขายอุปกรณ์แคมปิ้ง และสารพัดร้านอื่นๆอีกมากมายที่สาธยายไม่หมด เราเสียเงินหลายหมื่นเยนให้กับร้านที่ไม่มีชื่อภาษาอังกฤษร้านนี้ เพราะทางร้านได้คัดสรรสินค้าท้องถิ่นชั้นดีทั้งในแง่คุณภาพและการดีไซน์แพ็คเกจจิ้ง ทำให้ในร้านมีแต่ของน่าสนใจเต็มไปหมด เป็นการนำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาต่อยอดให้ทันสมัย กลายเป็นของเก๋น่าใช้ได้อย่างน่าชื่นชม Chop Coffee ร้านกาแฟมินิมัลลิสต์สไตล์ญี่ปุ่น ที่ตั้งอยู่อย่างกลมกลืนกับเพื่อนบ้านรอบข้าง หน้าร้านไม่มีความเอะอะใดๆ หากไม่สังเกตดีๆก็อาจเดินผ่านไปได้เฉยๆ ข้างในขายกาแฟหอมอร่อย รวมถึงเมอร์ชั่นได้ซ์จุกจิกอีกหลายอย่าง Freeman Sporting Club มีร้านอยู่แค่ที่ญี่ปุ่นและนิวยอร์คเท่านั้น เป็นร้านเสื้อผ้าผู้ชายสไตล์อเมริกัน ให้อารมณ์เนี้ยบที่ดูทั้ง preppy และ casual ไปพร้อมๆกัน Studious ร้านสตรีทแฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่น ที่คัดเอาแบรนด์เจ๋งมาไว้รวมกัน, retaW. แบรนด์เครื่องหอมเครื่องสำอางค์เท่ๆ ซึ่งเราตั้งใจอยากเข้าไปชมในร้านมาก แต่ดันปิดซะนี่ ร้านกาแฟ KOFFEE MAMEYA ร้านนี้เหมาะกับคนชอบกาแฟดำมาก เพราะมันอร่อยนุ่ม และไม่เข้มจนเกินไป ถ้าหากคุณไม่ใช่นักช้อป การได้มาเดินดูผังเมือง สถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร วิถีชีวิตของผู้คนในเมือง รวมถึงเทรนด์แฟชั่นที่ไม่ตามใครของญี่ปุ่น ก็น่าจะเพียงพอให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆได้เป็นอย่างดี ELLE cafe อีกหนึ่งร้านที่อยากจะมาลองครั้งนี้ เราเห็นว่ามีสาขาในไทยที่ Icon Siam แล้วนะ แต่ไม่แน่ใจว่าเมนูเหมือนกันมั้ย อาหารสุขภาพของ ELLE cafe ที่ดูจะเป็นที่นิยมของสาวๆญี่ปุ่นกันอย่างมาก นี่คือย่านที่เรามาโตเกียวทุกครั้ง ก็ต้องแวะมาทุกครั้ง และไม่เคยมีเวลา (และเงิน T_T) พอเลยซักครั้ง เราจึงอยากแนะนำให้ชาว #hopsters แวะมา ถึงใครเคยมาแล้ว รับรองว่าจะมากี่ที ที่นี่ก็ยังมีอะไรใหม่ๆให้ค้นหาทุกครั้ง #Aoyama #Omotesando #LetsHoparoundTokyo
- Hermès Heritage
#LetsHoparoundBangkok หากเพื่อนๆสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับแบรนด์หรูอันดับต้นๆของโลกที่มีอายุเกือบ 200 ปีอย่าง Hermès ในวันนี้จนถึง 13 ตุลาคม 2562 ที่ Parc Paragon ทางแบรนด์ได้ยกเอา Exhibition พิเศษในชื่อ “Hermès Heritage - Rouges Hermès” มาให้แฟนๆชมกัน . ในงานแสดงนี้ Hermès จะพาคุณย้อนกลับไปในยุค 1920’s ซึ่งเป็นช่วงที่ Hermès ได้ฉีกขนบเครื่องหนังเดิมๆที่มักคงไว้ซึ่งสีน้ำตาลธรรมชาติ ด้วยการย้อมสี “deep red” จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการเครื่องหนัง . เราจะได้สัมผัสถึงแนวคิดก้าวหน้าของแบรนด์ที่มีมาแต่ไหนแต่ไร และจะได้เข้าใจมากขึ้นถึงเหตุผลที่ Hermès ยังคงยืนหนึ่งเป็นอมตะในวงการเครื่องหนัง Luxury แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรก็ตาม . #HermèsHeritage #RougesHermès #LetsHoparound