Sunday Brunch at Palmier by Guillaume Galliot บรั้นช์พรีเมี่ยมสไตล์ฝรั่งเศสโดยเชฟ 3 ดาวมิชลิน
3 ดาวมิชลินคือรางวัลสูงสุดจาก Michelin Guide ที่ร้านอาหารจะสามารถได้รับมาประดับยศ และในประเทศไทยก็ยังไม่มีร้านใดที่ได้รับรางวัลนี้เลย แต่วันนี้เชฟ Guillaume Galliot เชฟผู้ดูแลร้าน Caprice แห่ง Four Seasons Hotel Hong Kong ผู้ครอง 3 ดาวมิชลินติดต่อกันเป็นเวลาถึง 6 ปีซ้อน ได้บินลัดฟ้าพาเอาประสบการณ์และสูตรอาหารเลิศรสจากความทรงจำวัยเด็กของเชฟมาเสิร์ฟให้เราได้ลิ้มลองกันที่ Palmier ห้องอาหารแนว French Brasserie ที่ Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River เพิ่มอีก 1 ร้าน นับเป็นครั้งแรกของโรงแรมหรูเครือ Four Seasons ที่ให้เชฟมากฝีมือได้ดูแลห้องอาหารแบบข้ามประเทศกันแบบนี้ ผลประโยชน์ก็ตกเลยเป็นของผู้บริโภคอย่างเราครับ
และช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ Palmier ก็มีแพ็คเก็จ Brunch ซึ่งเป็นมื้อพิเศษของสัปดาห์ไว้ให้บริการด้วย วันนี้เราจะพาเพื่อนๆออกเดินทางไปกับสำรับอาหาร Brunch ของเชฟ Guillaume ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยากันครับ สำหรับราคาและรายละเอียดของแพ็คเก็จ Brunch มื้อนี้ เพื่อนๆ ดูได้ที่นี่เลยครับ https://www.fourseasons.com/.../palmier-by.../sunday-brunch/?
เริ่มต้นกันด้วย Amuse-bouche ซึ่งมาเป็นสองชิ้น คือ Lobster and Avocado Roll & Baby Cos และ Salmon with Condiments เพื่อปลุกลิ้นเราให้ตื่นพร้อมรับความสนุกที่จะตามมาในจานต่อๆไป สำหรับเครื่องดื่ม Soft Drinks, Mocktails ชาและกาแฟนั้นรวมอยู่ในราคาตั้งต้นแล้ว แต่เราอัพเกรดอีก 1,600.- เพื่อเพิ่ม Crémant (เครมองต์) ซึ่งก็คือ Sparkling Wine ที่ผลิตนอกแคว้น Champagne (จริงๆอ่านว่า ชอมปาญ) ก็เลยใช้ชื่อเรียกว่าแชมเปญไม่ได้ หรือถ้าเพื่อนๆจะอัพเกรดไปเป็นแพ็ค Champagne ก็ได้เช่นกัน ดูราคาได้ที่ลิงค์ด้านบนนะครับ
คอร์สที่ 2 ก็คือ Starter to Share เปิดตัวน่ารักๆด้วยจานมะเขือเทศหลากสายพันธุ์วางบน Gazpacho Jelly และ Marinated Burrata Foam ก่อนจะตามมาด้วยความอร่อยที่หนักขึ้นมาอย่างกระดาน French Cold Cuts พร้อมกับ Pickles และ Paté en Croute หนึ่งในจานซิกเนเจอร์รสเข้มข้นที่เชฟ Guillaume แนะนำ ต่อด้วย Beef Tartare à la Parisienne เนื้อดิบปรุงรสแบบชาวปารีสที่ทางพนักงานต้องเข็นรถพา Ingredients ต่างๆมาให้เราจิ้มเลือกแล้วคลุกเคล้ากันสดๆตรงนั้นเลย ถ้าจะอัพเกรดเพิ่ม Caviar ไปด้วยก็สามารถเพิ่มเงินได้ครับ จานสุดท้ายของ Starter (ถ้าเรียกว่า “พาน” น่าจะถูกต้องกว่า) ก็คือ Seafood Platter ที่มาทั้งหอยนางรมฝรั่งเศส กุ้งลายเสือ หอยเชลซาชิมิ และกุ้งแลงกูสตีนที่หาทานค่อนข้างยากในประเทศไทย ทุกอย่างหวานความสดมาก และส่วนตัวเราคิดว่าสิ่งที่เชฟ Guillaume ทำได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือซอสต่างๆ ถ้าเพื่อนๆได้มาลองก็อย่าลืมบอกเราหน่อยว่าเห็นด้วยมั้ยนะครับ สำหรับ Seafood Platter นี้ หากใครอยากเพิ่มล็อบสเตอร์อีก ก็เพิ่มเงินได้เช่นกันนะครับ
ยังครับ ยังไม่เข้า Main Course สำหรับมื้อ Brunch ที่รวบเอา Breakfast กับ Lunch เข้าด้วยกัน ถ้าพลาดเมนูไข่ไปก็อาจจะไม่สมบูรณ์ จานถัดมาจึงขอแวะไปเมนูไข่นิดนึงครับ จานนี้คือ Slow Cooked Free-Range Eggs ที่มาพร้อมกับ Emulsion ที่ทำจากชีส Comté ซึ่งเป็นชีสโปรดของเราเลย รสชาติของชีสจะเค็มๆมันๆแต่ที่ทำให้ Comté ต่างจากชีสอื่นๆก็คือความนัตตี้ที่ค่อนข้างชัด ซึ่งก็ยิ่งช่วยเพิ่มความอุมามิให้มากขึ้นอีก สำหรับจานนี้มีความคล้ายไข่ตุ๋นที่ปรุงแบบฝรั่ง เนื้อสัมผัสนุ่มเนียนครีมมี่มากๆครับ
เข้า Main Course กันซะทีครับ ฮ่าๆๆๆ คอร์สนี้เพื่อนๆสามารถเลือกได้ 1 อย่าง จาก 3 ตัวเลือกนะครับ เรามากัน 2 คน (ใช่ครับเราเป็นตัวแทนหมู่บ้าน ที่มาลองอาหารทั้งหมดนี้กันแค่ 2 คนครับ) ก็เลยเลือกมาคนละอย่าง เชฟ Guillaume แนะนำ Bouillabaisse (บุยยาเบสส์) อาหารต้นตำรับจากเมือง Marseille แต่จานนี้เป็นสูตรเฉพาะของเชฟที่หน้าตาดูเรียบโก้กว่าแบบ Traditional เยอะเลย มีปลาเนื้อขาวชิ้นใหญ่ๆวางเป็นดาวเด่น เราก็ลืมถามไปเลยว่าเป็นปลาอะไร แต่เนื้อแน่นและนุ่มลิ้นมากครับ จานนี้ฟีลเหมือนฟีเลต์สเต้กปลาในซอสบุยยาเบสส์มากกว่าจะเป็นซุปเหมือนในแบบดั้งเดิม ส่วนอีกจานที่เราเลือกมาก็คือ Steak Frites กับซอส Béarnaise และ French Fries แบบคลาสสิคที่กินแล้วอบอุ่นคุ้นเคย แต่คุณภาพเยี่ยมอร่อยพรีเมี่ยมกว่าตามท้องตลาดทั่วไป แน่นอนครับระดับความสุกต้อง Medium Rare เท่านั้น เนื้อนุ่มอร่อยถูกใจเลย และซอสแบร์เนสก็รสชาติถูกต้องทำถึงเช่นเคย
มาถึงจุดนี้คือเราก็อิ่มมากๆแล้วครับ หายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ๆ แต่สายตาของเราดันเหลือบไปเห็นออปชั่นส์เพิ่มเมนู Signature ของเชฟได้อีก 3 เมนู ด้วยความเป็นห่วงอยากให้ชาว #Hopsters ได้เห็นอะไรที่พิเศษ เราก็เลยรวบรวมพื้นที่ในกะเพาะที่เหลือ (ซึ่งก็แทบจะไม่มีแล้ว) เพื่อสั่งเมนู Add On มาอีก 1 ซึ่งเราเลือกเป็นลักซาที่ตัวเส้นทำมาจากเนื้อปู Alaskan King Crab ล้วนๆ เพราะเราสืบรู้มาว่าเป็นเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณ Juliana ภรรยาของเชฟซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ ว่ากันว่าคุณแม่ของคุณ Juliana นั้นทำลักซาอร่อยมากๆ เมื่อมาถึงมือเชฟ Guillaume อาหาร Comfort Food ของสิงคโปร์เมนูนี้จึงถูกยกระดับให้รวสชาติเข้มข้นขึ้นไปอีก และเนื้อสัมผัสก็ข้นขึ้นด้วยเช่นกัน น่าจะถูกใจคนที่ชอบความอร่อยแบบครีมมี่มากเลยครับ แต่หากใครเลี่ยนง่าย อาจจะเลือกลองเมนูอื่นๆดูนะครับ
และแล้วก็เดินทางมาถึงของหวาน เอ๊ะ! หรือจะเรียกว่าของหวานเดินทางมาถึงเราน่าจะตรงกว่านะครับ เพราะคุณพนักงานพาน้องรถเข็นกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับขนมเต็มไปหมด ในเมนูถึงกับเรียกคอร์สนี้ว่า Dessert Show เพราะมีความละลานตาเหมือนเป็นการแสดงจริงๆ บนรถเข็นมีตั้งแต่ Macaron, Canelle, Flan, Baba au Rhum ไปจนถึงขนมเค้ก ทาร์ต ชูครีม และลูกกวาด Bon Bon ต่างๆหลากหลายรสชาติ แต่ละวันขนมหวานอาจจะมีหน้าตาแตกต่างกันไป ดังนั้นเลือกเอาที่ถูกใจได้เลยครับ อย่าลืมว่าชาและกาแฟก็รวมอยู่ในแพ็คแล้ว ดังนั้นเพื่อนๆสั่งกันได้เต็มที่เพื่อมาดื่มคู่กับขนมนะครับ
ข้อดีอีกอย่างของห้องอาหาร Palmier ก็คือคอนเส็ปต์ Casual Elegance คือโก้หรูแบบสบายๆ ฉะนั้นทางห้องอาหารแจ้งว่าไม่ต้อง Dress Up เพื่อนๆแต่งตัวสบายๆมาได้เลยครับ แหม…วันอาทิตย์ทั้งทีก็ต้องผ่อนคลายสิเนอะ
เป็นยังไงกันบ้างครับกับมื้อพิเศษ Brunch พรีเมี่ยมแบบฝรั่งเศสมื้อนี้ ถ้าเพื่อนๆได้เคยไปลิ้มลองมาแล้ว ก็ลองมาคอมเม้นต์ให้กันฟังบ้างนะครับ ลิ้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีรสนิยมต้องแบ่งปันครับ
Brasserie Palmier at Four Seasons Bangkok
300/1 ถ. เจริญกรุง Yannawa, เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120
เวลาเปิด-ปิด: อังคาร ถึง อาทิตย์ Lunch 11:30 - 14:30 Dinner 18:00 - 22:30
โทร : 06-4646-9245
ที่จอดรถ: ที่จอดรถ Brasserie Palmier at Four Seasons Bangkok สามารถจอดรถได้ภายในที่จอดรถของโรงแรม Four Seasons Bangkok
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/palmierbkk
Comments