top of page
Writer's picturehoparound.co

NAOSHIMA เที่ยวเกาะศิลปะนาโอชิมะ

Updated: Oct 1



วิธีไปเกาะ Naoshima รีวิวเกาะศิลปะ รีวิว Naoshima วิธีเดินทางไปยังเกาะนาโอชิมะ เกาะศิลปะ เที่ยวญี่ปุ่น Japan Kagawa Naoshima รีวิวนาโอชิมา รีวิวนาโอชิมะ รีวิวนาโอชิม่า
เที่ยวเกาะนาโอชิมะ เกาะศิลปะ

เกาะ Naoshima และ Teshima อาจจะเป็นเพียง 2 จุดเล็กๆบนแผนที่ประเทศญี่ปุ่นที่แม้แต่คนญี่ปุ่นบางคนก็ยังไม่รู้จัก แต่จุด 2 จุดนี้มีเรื่องราวที่ไม่ธรรมดา จากชุมชนที่ครั้งหนึ่งเคยต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมเหล็กของบริษัท Mitsubishi เป็นแหล่งรายได้หลัก ก่อนที่จะค่อยๆซบเซาลงจนประชากรเหลือไม่ถึงครึ่ง วันนี้ศิลปะและสถาปัตยกรรมได้เข้ามาช่วยชุบชีวิตและความงดงามให้บานสะพรั่งบนเกาะทั้งสองอีกครั้ง มาเถอะ ชาว #hopsters มา #hoparound ไปสำรวจรอบๆเกาะทั้งสองนี้กัน แต่โพสนี้เรามาเริ่มกันที่ Naoshima กันก่อนดีกว่าเนอะ



วิธีไปเกาะ Naoshima รีวิวเกาะศิลปะ รีวิว Naoshima วิธีเดินทางไปยังเกาะนาโอชิมะ เกาะศิลปะ เที่ยวญี่ปุ่น Japan Kagawa Naoshima รีวิวนาโอชิมา รีวิวนาโอชิมะ รีวิวนาโอชิม่า
Uno station

มาเริ่มกันที่สถานี Uno station เป็นสถานีรถไฟปลายทางที่จะต่อเรือไปยังเกาะนาโอชิมะ แค่สถานีก็แต่งเป็นภาพกราฟิกลวงตา ทำให้เรารู้สึกได้ว่างานอาร์ตกำลังเริ่มต้นแล้วววววว

วิธีไปเกาะ Naoshima รีวิวเกาะศิลปะ รีวิว Naoshima วิธีเดินทางไปยังเกาะนาโอชิมะ เกาะศิลปะ เที่ยวญี่ปุ่น Japan Kagawa Naoshima วิธีไปเกาะ Naoshima รีวิวเกาะศิลปะ รีวิว Naoshima วิธีเดินทางไปยังเกาะนาโอชิมะ เกาะศิลปะ เที่ยวญี่ปุ่น Japan Kagawa Naoshima รีวิวนาโอชิมา รีวิวนาโอชิมะ รีวิวนาโอชิม่ารีวิวนาโอชิมา รีวิวนาโอชิมะ รีวิวนาโอชิม่า
เกาะ Naoshima นั้นมีขนาดกว่า 14 ตร.กม. ตั้งอยู่ในจังหวัดคากาว่า (香川 / Kagawa)

ซึ่งเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น การจะเที่ยวได้รอบๆเกาะนั้นเราควรจะมีเวลาเที่ยวอย่างน้อย 2 วันถึงจะครอบคลุมแบบไม่รีบจนเกินไป วิธีเดินทางที่เราคิดว่าดีที่สุดก็คือการปั่นจักรยานไฟฟ้าสูดอากาศสะอาดๆและเสพงานศิลป์ไปรอบเกาะ ถ้าหากอากาศเป็นใจคุณจะได้รับความอิ่มอกอิ่มใจไปแบบเต็มๆ

วิธีไปเกาะนาโอชิมะ การเดินทางไปยังนาโอชิมะ วิธีไป Naoshima How to get there
วิธีไปเกาะนาโอชิมะ
วิธีการเดินทางไปเกาะนาโอชิมะ

การเดินทางมายังตัวเกาะนาโอชิมะนั้น มีหลายวิธีมาก แต่ที่เราจะแนะนำคือขึ้น "รถไฟ" แล้วต่อ "เรือ" ถ้าใครที่มาจากโอซาก้า เราขอแนะนำให้เพื่อนๆเริ่มต้นจาก

1.สถานีรถไฟ Shin-Osaka Station

โดยขึ้นรถไฟขบวน Tokaido-Sanyo Shinkansen ที่มุ่งหน้าไปทาง のぞみHakata

2.จากนั้นมาลงที่สถานีรถไฟ Okayama Station

แล้วเปลี่ยนรถไฟไปเป็น JR สาย Seto-Ohashi Line มุ่งหน้าไปทาง 快速Takamatsu

3.จากนั้นให้เปลี่ยนรถไฟที่สถานี Chayamachi Station

โดยขึ้นรถไฟ JR สาย Uno Line ซึ่งจะมุ่งหน้าไปทาง 各停Uno

4.แล้วให้ลงสถานีสุดท้ายปลายทางคือ Uno Station

แล้วเดินไปขึ้นเรือที่ท่า Uno Port เพื่อไปลงที่เกาะนาโอชิมะ

หรือใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ให้เข้าไปตามลิ้งค์นี้ได้เลยครับ http://benesse-artsite.jp/en/access/

ที่เที่ยวบนเกาะนาโอชิมะ ที่น่าเช็คอินบนเกาะนาโอชิมะ นาโอชิมา เกาะศิลปะ จุดถ่ายรูปนาโอชิมะ มิวเซียมญี่ปุ่น แกลอรี่ในญี่ปุ่น
ที่เที่ยวบนเกาะนาโอชิมะ
ตัวเกาะนาโอชิมะแบ่งเป็น 3 โซนหลัก

ได้แก่ 1) Miyanoura อยู่ฝั่งตะวันตกของเกาะ โซนนี้มีท่าเรือหลัก มีหมู่บ้าน ร้านอาหารเล็กน้อย ร้านให้เช่าจักรยาน และ 7-11 (น่าจะเป็นไม่กี่ร้านบนเกาะ) 2) Honmura อยู่ฝั่งตะวันออก มีท่าเรือเล็กกว่า แต่มีร้านรวงมากกว่า ทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และคาเฟ่ รวมถึงเป็นที่ตั้งของบ้านร้างที่ถูกปรับให้เป็นที่แสดงงานศิลปะหลายหลังในโครงการ Art House Project และ Ando Museum 3) Benesse House Area อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ โซนนี้จะเน้นหนักไปที่มิวเซียมจริงจัง และโรงแรมที่พัก ไม่ค่อยมีร้านค้าและร้านอาหารด้านนอกสักเท่าไหร่

วิธีไปเกาะ Naoshima รีวิวเกาะศิลปะ รีวิว Naoshima วิธีเดินทางไปยังเกาะนาโอชิมะ เกาะศิลปะ เที่ยวญี่ปุ่น Japan Kagawa Naoshima รีวิวนาโอชิมา รีวิวนาโอชิมะ รีวิวนาโอชิม่า

เราใช้เวลานั่งเรือชมวิวได้ไม่นานก็มาถึงตัวเกาะนาโอชิมะแล้ว


Naoshima Tourism Association

มาถึงท่าเรือซึ่งจะเป็นจุดสตาร์ทของเราในทริปนี้ โดยที่นี่จะมีล็อกเกอร์ฝากของ ที่นั่งพัก ที่ซื้อตั๋ว ขายอาหาร ของฝาก ห้องน้ำและเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีไกด์ท้องถิ่นคอยบริการเพื่อนๆ ด้วย


การเดินทางบนเกาะ

การเดินทางบนเกาะนั้นมีให้เลือกตั้งแต่รสบัส ที่จะจอดทุก stop ที่มีงานศิลป์และมิวเซี่ยมอยู่ หรือการเช่ารถยนต์ แต่เราเลือกเช่าจักรยานไฟฟ้า เพราะสะดวกดี อยากจะแวะจุดไหนถ่ายรูปก็ได้เลย

Red Pumpkin (赤かぼちゃ) - Yayoi Kusama

เมื่อมาถึงที่ท่าเรือก็จะมี เจ้าฟักทองสีแดงของคุณป้ายาโยอิออกมาต้อนรับ ตั้งอยู่เด่นมาก แถมเรามาตอนที่คุณลุงกำลังซ่อมและแต่งเติมสีเจ้าฟักทองอยู่พอดี



ปฏิบัติการพลิกโฉม Naoshima ด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมเป็นโครงการระยะยาวกว่า 30 ปี เริ่มมาตั้งแต่ปี 1985 ตามวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งบริษัท Benesse Corporation ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษาและสิ่งพิมพ์ (เจ้าของโรงเรียนสอนภาษา Berlitz) และนายกเทศมนตรีของเกาะ Naoshima ในขณะนั้นที่ต้องการสร้างพื้นที่ทางการศึกษาและวัฒนธรรมบนเกาะในเขตทะเลปิดเซโตะ (Seto Inland Sea) ให้กับเด็กๆทั่วโลก


 

Mikazukishoten ”ミカヅキショウテン”

เราโชคดีที่วันที่เราไปนั้นอากาศดี๊ดี เราสามารถปั่นจักรยานได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เราแวะร้านคาเฟ่ (กาแฟดีมาก!) ร้านนี้ชื่อร้าน Mikazukishoten เป็นร้านที่อร่อยมาก ภายในร้านก็มีขายของกระจุกกระจิกน่าเสียตังเป็นอย่างยิ่ง แถมพ่อค้าก็ใจดีแนะนำหลายๆอย่างให้ทำบนเกาะอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็น Local guide ที่ดีเลย

ข้อมูลเพิ่มเติม > http://www.mikazukishoten.jp

Hours: 8:30 am - 17:00 pm

Closed: Thursday

Location: https://goo.gl/maps/aaRqBzT6fYNbAoF97


 

Naoshima Bath "I❤湯 (I Love YU)" - Shinro Ohtake

Naoshima Bath 「I♥湯」 นี่ก็เป็นห้องอาบน้ำสาธารณะที่ตกแต่งได้สวย สะดุดตา ดูสนุกมาก ไปครั้งหน้าก็อยากไปแวะแช่ออนเซ็นเหมือนกันนะนี่ เป็นหนึ่งในผลงานศิลปะของเกาะแห่งนี้เช่นกัน


Naoshima Bath "I❤湯"

Hours: 13:00 ~ 21:00 (Last reception 20:30)

Closed: Mondays *Open on national holidays closed on the following day

Admission: JPY 660 ประมาณ 198 บาท

Location: https://goo.gl/maps/Di2L1Lk7mQCSmqtb8


 

Naoshima Pavilion
Naoshima Pavilion (直島パヴィリオン)

ออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อ Sou Fujimoto


 

Benesse House Museum
Benesse House Museum

หลังจากพูดคุยและทดลองมาหลายปี โปรเจ็คท์ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นบนที่ดินผืนใหญ่ทางตอนใต้ของเกาะ โดยมี Tadao Ando สุดยอดปรมาจารย์สถาปนิกอัจริยะชาวญี่ปุ่นชื่อดังระดับโลก (ถ้าจะอวยกันขนาดนี้...) ที่ชำนาญในการใช้วัสดุคอนกรีตมาสร้างเป็นโครงสร้างรูปทรง Minimalist เพื่อล้อกับแสงธรรมชาติที่ให้อารมณ์แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของวัน มาออกแบบตัวอาคาร Benesse House Museum ซึ่งเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และโรงแรม เปิดตัวในปี 1992 เป็นหลังแรก

คอนเส็ปต์ของ Benesse House Museum นั้นเน้นให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันของธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และศิลปะ พื้นที่หลายส่วนของอาคารจึงถูกฝังอยู่ใต้ดินเพื่อไม่ให้รบกวนทัศนียภาพของเกาะ แม้อาคารจะมีอายุถึง 26 ปีแล้ว เรายังรับรู้ได้ถึงความคูลที่ไม่ล้าสมัยเลยแม้แต่น้อย และทุกๆมุมที่เราหันไปก็ยังคงสร้างความว้าวให้กับเราได้อย่างน่าอัศจรรย์


Benesse House Museum

Hours: 8:00 am - 21:00 pm (Last admittance: 20:00 pm)

Closed: Open year-round Open Days Calendar

Admission: JPY 1,050 ประมาณ 315 บาท

(ด้านในโซนแกลเลอรี ห้ามถ่ายรูปนะครับ แต่เราก็หารูปมาฝากกันนน)

Location: https://goo.gl/maps/97qoReZdDaFcYGGSA

© Trent McBride
Hiroshi Sugimoto "Time Exposed", 1980-97

© Forgemind ArchiMedia
Kan Yasuda The Secret of the Sky , 1996

© skrytebane
Bruce Nauman "100 Live and Die", 1984

George Rickey "Three Squares Vertical Diagonal", 1972-82

Dan Graham "Cylinder Bisected by Plane", 1995

Shinro Ohtake "Shipyard Works: Stern with Hole", 1990

© Todd Lappin
Walter De Maria "Seen/Unseen Known/Unknown" , 2000


 

Yayoi Kusama "Yellow Pumpkin"
Yayoi Kusama "Yellow Pumpkin" , 1994

นอกจากมิวเซี่ยมที่ต้องเสียเงินเข้าชมแล้ว สิ่งที่ทำให้เราตกหลุมรัก Naoshima อย่างจังก็คือการได้ขี่จักรยานไฟฟ้า (ย้ำว่าต้องไฟฟ้า ไม่งั้นต้องปั่นขึ้นเนินกันน่องแตก จากรักอาจจะกลายเป็นเกลียดได้เลย) ชมธรรมชาติ (เราเจอหมูป่าอยู่ข้างมิวเซี่ยมด้วย) และตามล่างาน installation กลางแจ้งตามลายแทงรอบเกาะ เช่นงานฟักทองลายจุดของคุณยาย Yayoi Kusama ในตำนานที่โผล่มาทักทายกันตั้งแต่ลงจากเรือ และอีกฝากหนึ่งของเกาะ


Hours: 24HRs

OPEN: EVERYDAY

Admission: FREE

Location: https://goo.gl/maps/HbZHas2cwkLXtbYeA

Yayoi Kusama "Yellow Pumpkin"

 

Chichu Art Museum
Chichu Art Museum

Tadao Ando ได้ฝากผลงาน Masterpiece ด้านสถาปัตยกรรมไว้บนเกาะแห่งนี้รวม 8 แห่ง ที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็น Chichu Art Museum ที่สร้างเสร็จในปี 2004 (ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!!) โดยมีตัวอาคารทั้งหมดฝังอยู่ใต้ดินลึกลงไป 3 ชั้นแต่แสงธรรมชาติก็ยังสามารถส่องทะลุลงมาได้อย่างเหมาะเหม็ง และเมื่อมองจากมุมสูงก็จะเห็นอาคารเป็นรูปทรง 3 เหลี่ยมและ 4 เหลี่ยมหลายอันเรียงรายฝังอยู่ใต้ผิวดิน


แค่เพียงก้าวเท้าเข้าไปสู่ Chichu เราก็สัมผัสได้ถึงน้ำหนักของความสงบและงดงาม (ไม่ได้พูดเว่อร์นะ) โดยเฉพาะห้องแรกที่แสดงภาพวาดดอกบัวในบึงโดยฝีแปรงของ Claude Monet ขนาดใหญ่มหึมา 5 ภาพ แม้เราจะเคยชมงานของ Monet จากที่อื่นมาบ้างแล้ว แต่คราวนี้ต่างไป อาจจะเพราะขนาดของงานและความโอ่โถงของห้อง เรารู้สึกราวกับถูกร่ายมนตร์ใส่ให้ตกตะลึงอยู่ในห้วงความงดงามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง


Chichu Art Museum

Hours: March 1 - September 30 10:00 am - 6:00 pm (Last admittance: 5:00 p.m.)

October 1 - last day of February 10:00 am - 5:00 pm (Last admittance: 4:00 p.m.)

Closed: Mondays

Admission: JPY 2,100 ประมาณ 630 บาท(ราคาสูงแต่เราว่าคุ้มมากๆ ที่ได้เข้าไปชมอะไรดีๆของศิลปินระดับโลก)

(ด้านในโซนแกลเลอรี ห้ามถ่ายรูปนะครับ *แต่เราก็นำรูปจากในกูเกิ้ลมาให้ดูเป็นตัวอย่างกัน)

เราต้องเดินมาซื้อตั๋วกันก่อนที่นี่ ก่อนเดินข้ามฝั่งไปยังมิวเซี่ยม Chi Chu Art Museum

ได้ตั๋วมาแล้ว ไปลุยกันเลยยยย ส่วนทางเข้าตึกนี้จะอยู่อีกฝั่งของถนนนะครับ


แค่ทางเดินเข้ายังสวยขนาดนี้เลยยยย

Claude Monet "Water Lilies series"

© benesse-artsite.jp
Walter De Maria

งาน installation ถาวร โดย Walter de Maria ที่ยิ่งใหญ่มากๆ Walter De Maria (วอลเตอร์เดอมาเรีย) เกิดในปี 1935 ในอัลบานี แคลิฟอร์เนียเรียนด้านประวัติศาสตร์และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียบาร์กลีย์ 1953 ถึง 1959 และเสียชีวิตไปเมื่อ 2013 (ตอนอายุ 77)


© Iwan Baan
James Turrell "Open Field" (2000)

ด้านในเป็น space สีน้ำเงินสามารถเดินเข้าไปด้านในได้ด้วย


© Iwan Baan
James Turrell "Open Sky" (2004)

และยังมีงานศิลปะที่เล่นกับแสงของ James Turrell โดยเฉพาะงานที่ชื่อ Open Sky ที่เราสามารถลงชื่อจองสิทธิพิเศษล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วม Night Program ไปชมแสงยามตะวันตกดิน (หรือตกน้ำหว่า?) หลังพิพิธภัณฑ์ปิดได้ด้วย


และที่นี่ยังมีคาเฟ่ร้านอาหารให้นั่งพักชิลชมวิวทะเลเซโตะอุจิกันด้วยนะ


 

© benesse-artsite.jp
Lee Ufan "Lee Ufan Museum"

พิพิธภัณฑ์ Lee Ufan เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งใกล้กับ Benesse House Museum เปิดให้เข้าชมเมื่อปี 2010

ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Lee Ufan ศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับสากลเป็นศิลปินร่วมสมัยชาวเกาหลี Lee Ufan มาทำงานเป็นอาจารย์สอนในประเทศญี่ปุ่นด้วย ซึ่งปัจจุบันมีฐานอยู่ที่ยุโรปเป็นหลักและสถาปนิก Tadao Ando โครงสร้างกึ่งใต้ดินที่ออกแบบโดย Ando เป็นที่ตั้งของภาพวาดและประติมากรรมโดย Lee ซึ่งประกอบไปด้วยช่วงเวลาตั้งแต่ปี 1970 ถึงปัจจุบันผลงานของ Lee สะท้อนกับสถาปัตยกรรมของ Ando ทำให้ผู้เข้าชมประทับใจทั้งความนิ่งสงบและพลศาสตร์ และมหาสมุทร พิพิธภัณฑ์มีพื้นที่อันเงียบสงบที่ธรรมชาติ สถาปัตยกรรมและศิลปะเข้ามาผนวกกัน


Lee Ufan Museum

Hours: March 1 - September 30 10:00 am - 6:00 pm (Last admittance: 5:30 p.m.)

October 1 - last day of February 10:00 am - 5:00 pm (Last admittance: 4:30 p.m.)

Closed: Mondays

Admission: JPY 1,050 ประมาณ 315 บาท

Location: https://goo.gl/maps/dqidYM6Qu9Z8kKEb7


 

วิวทะเลที่นี่สวยมากจริงๆ

รถมินิบัสที่นี่จะจอดทุกป้ายที่มีงานศิลป์และพิพิธภัณฑ์เลยนะ แต่คันนี้ จอดพักอยู่ในอู่

Naoshima District Naoshima Elementary School โรงเรียนแห่งเดียวบนเกาะนาโอชิมะ เราชอบตึกนะ เท่ดี


 

แวะทานมื้อเที่ยงกันที่ Yayoda 八代田

จากนั้นเราปั่นกันต่อไปเรื่อยๆ จนถึงฝั่ง Honmura port แล้วแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้าน Yayoda (Kaisen Cuisine) ซึ่งร้านนี้จะเป็นอาหารทะเลท้องถิ่นที่สดและอร่อยมากกกกกก สไตล์โฮมมี่หน่อยๆ มีปลา หอย ปู หลากชนิดที่เราไม่เคยกินที่เมืองอื่นมาให้เลือกสั่งเพียบบบบ และยังมีสาเกจากจังหวัดต่างๆด้วยนะ


Yayoda

Hours: 12:00–14:30 pm., 18:00–20:30 pm.

Closed: Mondays

Price: JPY 300-1,500 เริ่มต้นประมาณ 90 บาท แต่ถ้าสั่งเป็นเซ็ทก็จะตกอยู่ที่เซ็ทละ 450 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมาก เพราะอาหารสดมาก

Location: https://goo.gl/maps/bpQ6wWiU2dpiKrPBA


 

Miyaura Port Terminal

เป็นทั้ง Installation Art และเป็นทั้งที่จอดรถ ดูเผิญๆเหมือนก้อนไรกลมๆ แต่จริงๆแล้วดีไซน์เนอร์ได้รับแรงบันดาลใจมากจากเจ้าก้อนเมฆนั้นเอง



 

Art House Project "Haisha" - Shinro Ohtake

Shinro Ohtake "Dream on the Tongue/Peek at the Boccon" 2006

Art house project จะมีอยู่ทั่วเกาะเลยนะครับ เพื่อนๆสามารถซื้อตั๋วแบบเหมาได้เลย



 

Honmura Lounge & Archive

แล้วเราก็ขับจักรยานผ่านมาที่ ศูนย์ข้อมูลบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งที่นั่งพัก ห้องน้ำ และของที่ระลึกขายกันทุกรูปแบบ ทำให้เสียตังค์กันอีกล้าว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นขายของมีดีไซน์ จากชุมชน และศิลปินต่างๆ รวมไปถึงงานของคุณยาย Yayoi ด้วยนะ ออกแบบโดยสถาปนิก Ryue Nishizawa


Honmura Lounge & Archive

Hours: 10:00 am. ~ 16:30 pm.

Closed: Mondays

Admission: Free

Location: https://goo.gl/maps/CzXsHChg6C2UeddJ6


 

Minamidera - James Turrell "Backside of the Moon" 1999 Design: Tadao Ando
© archive.jamesturrell.com

อีกที่ที่เรา Recommend ก็คือ Minamidera ในโซน Honmura ซึ่งเป็นหนึ่งในอีกผลงานของ Tadao Ando และอยู่ใน Art House Project ที่นี่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวัดมาก่อน Ando จึงใช้เทคนิคเดียวกันกับการสร้างวัดญี่ปุ่นสมัยก่อนที่ไม่มีการใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียวเพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ ภายในอาคารหน้าตาเรียบง่ายนี้ มีการจัดแสดงงานของ James Turrell ที่ชื่อ Backside of the Moon ข้างในเราได้ถูกพาไปสัมผัสความมืดสนิท และได้เรียนรู้เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของดวงตาตัวเองที่ค่อยๆกินความมืดเป็นอาหารจนสามารถมองเห็นในได้ชัดขึ้นเรื่อยๆแม้ในที่อับแสง


Minamidera - James Turrell "Backside of the Moon"

Hours: 10:00 am. ~ 16:30 pm.

Closed: Mondays

Last admission: 16:15


 

ANDO MUSEUM - Tadao Ando

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม (ด้านในโซนแกลเลอรี ห้ามถ่ายรูปนะครับ)

Hours:10:00 am - 16:30 pm (last admission 16:00)

Closed:Mondays

Admission: JPY 520 ประมาณ 156 บาท

Location: https://goo.gl/maps/DEbXSrbZZRkGR6QM9



 

Naoshima Hall - Hiroshi Sambuichi

Design by Sambuichi Architects เป็นอาคารอเนกประสงค์ของเมืองนาโอชิมะ ที่เคยได้รับรางวัลจากนิตยสารระดับโลกอย่าง Wallpaper* ในโครงการ Design Award in Best New Public Building category ปี 2017


Naoshima Hall แห่งนี้เป็นสถานที่สาธารณะสำหรับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นเท่านั้นและไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้แต่เพื่อนๆสามารถดูจากด้านนอกได้ตลอดเวลา สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นี่สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของเมือง Naoshima


 

ที่นี่ตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะ


©  Todd Lappin

ในวันนี้ Naoshima มีข้อเสนอดีๆและความสะดวกสบายจะหยิบยื่นให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากมาย กว่า 30 ปีได้ผ่านไป พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ งานดีไซน์ งาน installation โดยศิลปะระดับโลกต่างๆก็ทยอยผุดขึ้นกระจายตัวไปทั่วทั้งเกาะ Naoshima และเกาะใกล้เคียง ตามด้วยร้านค้า และธุรกิจท้องถิ่น ส่งผลให้เกาะที่เคยเกือบร้างกลับมามีชีวาอีกครั้ง

ในปี 2016 ที่ผ่านมางานศิลปะ Setouchi Trenniale ครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นบนเกาะต่างๆนี้ ก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้มากกว่า 1 ล้านคน

แม้ในวันที่เราอยู่บนเกาะ เราอาจเจอผู้คนไม่มากนัก และในบางจังหวะเราก็รู้สึกถึงความเงียบราวกับอยู่ในเมืองร้าง แต่นั่นไม่ใช่ความเงียบเหงาวังเวง ในความเงียบนั้น เรารู้สึกปลอดภัยและสบายใจไปกับจังหวะชีวิตที่เนิบช้า ในความเงียบนั้น เรารับรู้ได้ถึงชีวิตที่นิ่งสงบมั่นคง จนอยากจะกด save เอาอารมณ์นั้นเก็บมาใช้ต่อที่เมืองไทยไปอีกนานๆ

บางอย่างบอกเราว่า Naoshima น่าจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ในอีกไม่นาน เราก็รู้สึกได้ว่าความเงียบคงมีเวลาอีกไม่นาน ก่อนที่มันจะถูกทำลายกลายเป็นความจอแจของนักเช็คอินที่เมามันกับการถ่ายรูปลงสื่อโซเชี่ยล และถ้าหากคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้ เราหวังว่าคุณจะหาเวลาไปเสพความดีงามของ Naoshima ในบรรยากาศที่ยังน่ารื่นรมย์ก่อนที่อะไรต่างๆจะเปลี่ยนไป

แล้วพบกันใหม่กับเทศกาล Setouchi Art ครั้งต่อไปปปป

สำหรับรีวิวเกาะเตชิมะ (Teshima) คลิ๊กที่นี่เลยยย


FB/IG: @hoparound.co

Youtube: hoparound.co


credit: http://setouchi-artfest.jp/en/ , http://benesse-artsite.jp/en/art/

#Naoshima #ArtSetouchi #LetsHoparound #Japan #Kagawa #เที่ยวเกาะศิลปะ #เที่ยวนาโอชิมะ #เกาะศิลปะ #นาโอชิมะ #รีวิวเกาะศิลปะ #รีวิวนาโอชิมะ #วิธีไปนาโอชิมะ #เที่ยวญี่ปุ่น #ชมงานศิลปะ #มิวเซียม #แกลเลอรี่ #เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง #SetouchiArt #SetouchiTriennale

5,479 views0 comments

Kommentarer


bottom of page