Los Angeles ลอสแอนเจลิส กรุงเทพฯ แห่งอเมริกา
Los Angeles เมืองแห่งเทวดาตามคำแปลของชื่อก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้เราไม่ได้มารีวิวการฉีดวัคซีนนะ แต่อยากมาแนะนำจุดเช็คอิน ย่านที่น่าเดินเที่ยวใน LA กันสั้นๆ เผื่อใครมีแพลนไปเที่ยวอเมริกา ก็อย่าลืมแวะแอลเอหล่ะ
ต้องบอกว่าที่จริงแล้ว LA เป็นเมืองใหญ่มากๆ (ตอน Landing มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของแสงไฟด้านล่างเลย) และมีที่ให้สำรวจกันแบบไม่รู้จบ ควรต้องมีรถยนต์จึงจะสะดวกเพราะระบบขนส่งสาธารณะนั้นไม่ครอบคลุมทั่วถึง วันนี้เราจึงเลือกเพียง 6 ย่านที่เราชอบ เผื่อใครกำลังวางแผนทริปอยู่จะได้โน้ตเพิ่มเติมเอาไว้ ส่วนคนที่ยังไม่มีทริป เราก็ไปทิพย์ด้วยกันก่อนก็แล้วกันน้าาา
1. Downtown LA
บอกก่อนเลยว่าบรรยากาศย่านกลางเมืองของ LA นั้น อาจไม่ได้เอื้อให้เรารู้สึกปลอดภัยมากนัก เราแอบเสียดายอาคารเก่าดีไซน์สวยเป็นเอกลักษณ์ที่เรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด แต่กลับไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าที่ควร และในบางโซนอาจจะมีคนไร้บ้านเยอะหน่อย อย่างไรก็ตาม Downtown ก็มีสถานที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากมายแทบทุกหัวถนน ไปดูกันเลย!
เริ่มต้นกันที่ The Broad
พิพิธภัณฑ์ Modern Art ที่แค่ Facade ก็ปังแล้ว ตั้งอยู่บนถนน South Grand Avenue ที่นี่มีทั้งงานวาดเขียน งานประติมากรรม และงาน Installation จากศิลปินสุดล้ำระดับโลกจากหลายยุคสมัย แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าจากเวปของ The Broad ได้โดยตรงเลยครับ
ที่อยู่ติดกันก็คือ Walt Disney Concert Hall
อาคารฟอร์มแปลกตาล้ำสมัย ดูก็พอจะรู้ว่าเป็นผลงานการออกแบบของคุณ Frank Gehry แค่เห็นด้านนอกก็ปลุกเร้าจินตนาการได้ไม่รู้จบแล้ว
เราเดินกันต่อฝั่งตรงข้ามเป็น MOCA Museum of Contemporary Art, Los Angeles ที่นี่เป็นอีกหนึ่งอาร์ตมิวเซียมสามารถจองตั๋วเข้าชมและเช็คตารางงานที่จะโชว์ได้ที่ https://www.moca.org/ และอย่าลืมแวะช้อปปิ้งกันที่ MOCA Store ด้านหน้าด้วยนะ บอกเลยว่าใครรักข้าวของเครื่องใช้ที่มีดีไซน์มีฟังก์ชั่นดีๆ แนะนำให้แวะเลยครับ!!
ระหว่างทางเดินก็มีตึกระฟ้ากระจุกตัวกันพอประมาณ และฝนตก หมอกก็ลงอีก ดูเท่ไปอีกแบบ
จากนั้นเราก็เดินไปขึ้นรถรางโบราณ Angels Flight Railway ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1901 จึงมีรูปลักษณ์ที่ขลังไม่เหมือนใคร และค่าบริการก็ถูกมาก (เที่ยวละ USD 1 เท่านั้นเอง)
ลงจากรถรางแล้ว ก็แวะหาของอร่อยๆรองท้องที่ตลาด Grand Central Market ซักหน่อย เราชอบบรรยากาศของตลาดแห่งนี้มาก โดยเฉพาะป้ายนีออนหลากสีที่แข่งกันเด่น แต่กลับไม่รกตา ที่นี่มีอาหารให้เลือกเยอะมากหลายสัญชาติเลย รวมถึงอาหารไทยด้วย
กินเสร็จแล้วก็ไปจิบกาแฟกันต่อที่ร้าน Blue Bottle เจ้าดังจาก San Francisco ไม่ว่าจะสาขาไหนก็คนเข้าคิวตลอด เพราะกาแฟเค้าดีจริง!
ความพิเศษของสาขานี้อยู่ที่ทำเลที่ตั้งอยู่ในอาคาร Bradbury Building อายุเกือบ 130 ปี ซึ่งเคยเป็นฉากในหนังฮอลลีวู้ดชื่อดังมากมาย อาคารสไตล์ Victorian ที่สวยงามแห่งนี้เป็น Landmark ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของ LA และเป็นหนึ่งในอาคารพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดในย่าน Downtown ด้วย
เดินต่อมาไม่น่าจะเกิน 5 นาทีเราก็จะพบกับร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ California ที่ชื่อว่า The Last Bookstore คุณ Josh Spencer เจ้าของร้านได้เลือกชื่อนี้เพื่อประชดประชันกระแสสังคมที่ว่าร้านหนังสือกำลังจะตาย ที่นี่มีหนังสือทั้งเก่าใหม่รวมกันอยู่กว่า 500,000 เล่ม รวมถึงแผ่นเสียง ของสะสม ของที่ระลึกมากมาย และมีกิจกรรมสำหรับนักเขียนนักอ่านตลอดปี นอกจากร้านจะใหญ่และหนังสือเยอะแล้ว การตกแต่งภายในร้านยังน่าตื่นตาตื่นใจมากๆด้วย เราชอบชั้นลอยเป็นพิเศษเพราะเป็นจุดที่มีผู้คนมายืนล้อมตลอดแนวระเบียงเพื่อสเก็ตช์บรรยากาศร้านที่อยู่เบื้องล่าง กลายเป็นภาพที่แปลกตาแต่ก็ Inspiring มากๆ
ได้เวลา Shopping แล้วล่ะ บนถนน South Broadway นั้นเรียงรายไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco มีร้านค้าเก๋ๆอยู่มากมาย
ร้าน COS สาขานี้ตั้งอยู่ในอาคาร Oympic Theatre ที่สวยกริบ โดยทาง COS STORE ได้ทำการรีโนเวทจากโรงละครโอลิมปิคเก่า ที่ตั้งอยู่บนถนนในดาวน์ทาวน์แอลเอพื้นที่ใหญ่กว่า 600 ตรม.
เราเดินผ่าน Urban Outfitters และแวะดูร้าน MYKITA แบรนด์แว่นตาสุดเท่ของเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
จากนั้นก็เดินต่อจนถึงแยกที่ตัดกับถนน W 9th Street ก็พบกับ Shop ของ Acne Studios ที่ใหญ่และเก๋มาก (พื้นที่เกือบ 500 ตร.ม.แน่ะ)
สาขานี้มีคาเฟ่ ILCAFFE ร้านโปรดของ Jonny Johansson จาก Stockholm ด้วย
หัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามก็เป็นร้าน Aesop ที่ตกแต่งด้วยวัสดุรีไซเคิลแสนดิบเท่
ถัดไปอีกก็คือร้าน A.P.C. แบรนด์แฟชั่นมินิมอลชื่อดังจากปารีส ร้านค่อนข้างใหญ่ และดูเหมือนว่าจะมีแค่เราเท่านั้น ได้ช็อปปิ้งแบบไพรเวทมาก ฮ่าๆ ละแวกนี้มีอะไรดีๆซ่อนอยู่เยอะเลย ลองไปสำรวจกันดูน้าา
2. Melrose Avenue
ใครยังไม่จุใจกับการช้อปก็มาต่อกันแบบยาวววววววๆ (เกินกิโล) ที่ Melrose Avenue ได้เลย ถนนเส้นนี้ถูกขนาบ 2 ฝั่งด้วยอาคารเตี้ยๆตลอดสาย เป็นที่ตั้งของร้านค้าหลายแบรนด์ทั้งที่เรารู้จักและไม่รู้จักจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ก็น่าเข้าแทบทุกร้านเลยแหละ คาแรคเตอร์ของร้านส่วนใหญ่จะเป็นแนว High Street ที่คัดสรรของดีไซน์น่าสนใจมาอย่างดี สายช้อปควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงนะครับ
เริ่มกันที่ Ron Herman กับ Fred Segal ร้าน Select Shop สไตล์แคลิฟอร์เนียที่เราปลื้มมาตั้งแต่ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น คราวนี้ได้มาบุกถึงถิ่นกำเนิด (แต่แอบรู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นเลือกของมาได้ถูกจริตเรามากกว่า) ด้านล่างก็มีคาเฟ่ให้นั่งชิลกันด้วยนะ
ต่อด้วยตึกทรงลูกบาศก์สีชมพูที่หลายคนอาจเคยเห็นใน IG กันอยู่บ่อยๆ ตึกนี้เป็นที่ตั้งของร้าน Paul Smith สาขาใหญ่ แทบจะเป็นแลนด์มาร์คของย่านนี้เลยก็ได้
ร้านอื่นๆที่คุณจะได้เจอในย่านนี้ก็มีทั้งเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน โดยมีทั้งแบรนด์โลคอลและแบรนด์ระดับโลก เช่น Balmain, Marc Jacob, Chloe, Marni, Bottega Venetta, Frame, Isabel Marant, A.P.C., Outdoor Voices, Editions de Parfums Frédéric Malle
โชคดีที่ตอนที่เราไป (ก่อนโควิด) นั้นมีตลาด Melrose Place Farmers Market พอดี บรรยากาศจึงยิ่งมีชีวิตชีวาอย่างมาก ตลอดแนวทางเดินก็เรียงรายไปด้วยอาหารคราฟท์ และสินค้าประดิษฐ์มือมากมาย
3. จุดชมวิว Hollywood Sign
Lake Hollywood Park เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด เพราะจะมีสนามหญ้าสีเขียวให้นั่งเล่น ยืนถ่ายรูปเก๋ๆกับป้ายฮอลลีวูดได้ด้วย
Location: https://goo.gl/maps/v9LzGXDPYoyXbcvr6
4. Mid-Wilshire
ย่านบ้านสวย ชีวิตดี มิวเซี่ยมปัง Tourists น้อย อาจจะไม่มีความตื่นตาตื่นใจเท่ากับย่านอื่นๆ แต่ละแวกนี้น่าอยู่ชะมัด ขอย้ำอีกครั้งว่าบ้านแถบนี้สวยมากๆ
ร้าน Met her at a bar เป็นร้าน Brunch สัญชาติไทยผสมฝรั่งที่รสชาติเข้มข้นลงตัว หนึ่งในร้านที่ถูกปากเรามากที่สุดในทริปนี้ เราชอบเมนูไก่ทอดกินคู่กับวาฟเฟิ่ล อร่อยสุดๆ ความเป็นมาของร้านก็น่าสนใจเพราะเจ้าของร้านเป็นคู่หญิงชายที่ไปพบรักกันในบาร์แห่งหนึ่งจนมาลงเอยกันด้วยการทำธุรกิจร้านอาหารด้วยกัน
หากคุณคุ้นตากับรูปเสาไฟนับร้อยต้นแบบในภาพ สิ่งนี้คืองาน Art Installation ถาวร ที่ชื่อว่า Urban Light ตั้งอยู่ด้านนอกของ Los Angeles County Museum of Art (LACMA) ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในแถบตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีผลงานจัดแสดงอยู่ภายในทั้งแบบถาวรและหมุนเวียนรวมกันกว่า 140,000 ชิ้น
5. Beverly Hills ย่านช็อปปิ้งแบรนด์เนม
ชื่อนี้คือตำนานที่อยู่คู่ LA มาทุกยุคสมัย เพราะเป็นถิ่นที่อยู่ของดารา นักร้อง เซเลบริตี้ และมหาเศรษฐีแห่งโลกฮอลลีวู้ด ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมความเริ่ดหรูที่ทั้งเข้มข้นและหลากหลาย ตั้งแต่บรรยากาศภายนอกไปจนถึงการตกแต่งภายใน ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนคลับสินค้า Luxury แบรนด์ใด Beverly Hills น่าจะตอบได้เกือบทุกโจทย์ความต้องการ และต่อให้คุณจะไม่ใช่สายช้อป บรรยากาศที่หรูสุดๆของที่นี่ก็ควรค่าแก่การได้มาเสพสักครั้งหากคุณได้แวะมาเที่ยว LA
6. Santa Monica
เราพูดถึงแต่ในเมืองจนเกือบลืมไปว่า LA นั้นอยู่ติดทะเลและมีหาดสวยๆหลายหาดเลย หนึ่งในหาดที่มีชีวิตชีวาที่สุดก็คือ Santa Monica เรามาทันเห็นวิวพระอาทิตย์ตกพอดี ต้องบอกว่าประทับใจมากเลยครับ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเป็นภาพที่เราคุ้นตามาจากหนังและ TV Series ด้วย แต่พอมาสัมผัสของจริงก็ยิ่งซาบซึ้งคนละ Level กันเลย ที่นี่มีสตรีทฟู้ดให้เลือกกินมากมาย (แต่อาจจะเป็นแนวเน้นขายนักท่องเที่ยวซักหน่อย) ชายหาดเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งชิลล์ เล่นสเก็ต และเตร็ดเตร่ปล่อยอารมณ์
อีกไฮไลท์ของ Santa Monica ก็คือที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของถนน Route 66 ถนนสายหลักของอเมริกาที่เริ่มต้นจาก Chicago ตัดผ่านรัฐต่างๆเป็นระยะทางเกือบ 4,000 กม. แล้วจบลงที่ Pacific Park สวนสนุกริมทะเล ณ หาด Santa Monica แห่งนี้ บรรยากาศครึกครื้นเป็นกันเอง เหมือนงานวัดแบบฝรั่งๆ และเราก็ไม่พลาดที่จะลองขึ้นเครื่องเล่นด้วย
Los Angeles นั้นเป็นเมืองที่มีไดนามิคส์สูงมาก เป็นแหล่งรวมของความหลากหลายทั้งในแง่เชื้อชาติและชนชั้น ในด้านความหรูหรานั้นยอมรับว่าสุดมาก ส่วนในด้านของความยากจนก็มีให้เห็นบ่อยจนชินตาเช่นกัน โดยเฉพาะย่าน Downtown ที่บางช่วงตึกเราแอบรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเอาเสียดื้อๆ แม้ที่นี่อาจจะไม่ใช่เมืองที่เราจะวางแผนกลับมาเที่ยวบ่อยๆ แต่เราก็ตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้มาเยี่ยมเยือนและเห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองอันดับ 2 ของอเมริกาแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง
ภาพสวยมากคับ เล่าเรื่องได้ดีด้วย ตามรอยๆ