เทวาศรม ผ่อนคลายทั้งกายใจในอาศรมแห่งทวยเทพ
คงมีผู้วิเศษบางคนมาร่ายมนตร์ไว้แถวนี้แน่ๆ เพราะตั้งแต่เราเลี้ยวรถเข้ามายังรีสอร์ทหรูแห่งนี้ก็เหมือนกับว่าเราหลุดเข้ามายังอีกมิติหนึ่งที่ดูขลังแปลกตาและงดงามไปเสียทุกมุม ที่นี่ไม่เหมือนที่พัก 5 ดาวไหนๆเลย แต่ดูเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่หายสาบสูญไป และบัดนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน คราวนี้มาพร้อมกับโปรโมชั่นที่ยากจะปฏิเสธซะด้วยสิ!!
Devasom Khao Lak เทวาศรมเขาหลัก รีวิวโรงแรม เทวาศรม เขาหลัก บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า พังงา
THE ARRIVAL การมาถึง
เรารับรถเช่าที่สนามบินภูเก็ตตอนเกือบเที่ยงในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ เราดีใจที่ได้อุดหนุนธุรกิจท้องถิ่นในยามยากลำบากเช่นนี้ ดูจาก Google Maps น่าจะใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ขับถึงเทวาศรมแล้ว แต่นักกระโดดโลดเที่ยวอย่างเราย่อมอดไม่ได้ที่จะแวะกิน-แวะเที่ยว-เยี่ยมคาเฟ่ระหว่างทางไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงรีสอร์ทก็ปาเข้าไปบ่าย 3 กว่าๆแน่ะ
เรายังจำ Moment ที่เรามาถึงที่นี่ได้ดี แดดยามบ่ายกำลังทำมุมทแยงลอดช่องกระจกลายตารางบนบานประตูขนาดมหึมา แสงเงาตกกระทบเข้ามาต้อนรับเราอย่างอบอุ่นถึงล็อบบี้ ทุกอย่างช่างดูสวยงามละเมียดละไม ทั้งวิวลากูนธรรมชาติที่ไหลออกสู่ทะเลเบื้องหน้า รวมไปถึงอิฐหินดินไม้ที่ถูกมนุษย์ออกแบบมาให้โอบล้อมตัวเราด้วยความทะนุถนอมในโถงนั้น ต่างก็ช่วยกันกระซิบบอกเราว่า เราได้มาถึงแล้ว เทวาศรม...รีสอร์ทที่งดงามราวกับที่พักพิงของเหล่าเทวดาแห่งเขาหลัก
คุณแจ็คกี้ Host ของเราพาเราเดินผ่านร้านขายของแต่งบ้านที่ดูมีความ Antique ตามสไตล์เทวาศรมซึ่งคัดสรรมาอย่างดี จนมาเจอกับฆ้องใบใหญ่ เราตีฆ้องให้เสียงก้องกังวานไกลเพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกกล่าวถึงการมาถึง ก่อนจะก้าวผ่าน Devasom Gate ประตูไม้สักเก่าแก่ขนาดมโหฬารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประตูวังในรัฐกลางทะเลทรายแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย เบื้องหน้านั้นเป็นอุโมงค์อิฐที่พาเราเข้าสู่โซนชั้นในของรีสอร์ท ให้ความรู้สึกเหมือนกับเรากำลังเดินผ่านอุโมงค์ย้อนเวลาไปสู่ใจกลางของอารยธรรมโบราณแห่งนี้
กว่าจะมาเป็น Devasom เขาหลัก
จากเทวาศรมแห่งแรกที่หัวหินซึ่งสร้างชื่อมานานกว่า 10 ปี สู่เทวาศรมแห่งที่ 2 ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนบนพื้นที่ถึง 18 ไร่ริมหาดทรายและลากูนที่สวยซึ้งตรึงใจ ณ เขาหลัก เนื้อที่เยอะขนาดนี้แต่มีห้องพักเพียง 69 ยูนิตเท่านั้น บอกได้เลยว่าสเปซล้นเหลือมากๆ ความขลังของที่นี่นั้นมาจากแรงบันดาลใจที่ต้องย้อนเวลากลับไปถึงยุคเส้นทางสายไหมทางทะเลเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วเลยทีเดียว บรรยากาศที่นี่จึงแตกต่างจากรีสอร์ททั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
เอกลักษณ์ของเทวาศรมเขาหลักนี้ตั้งอยู่บนจุดกลมกล่อมในการผสมผสานความรุ่มรวยแห่งอารยธรรมโบราณของตะกั่วป่า จินตนาการของผู้ออกแบบ กับความเรียบง่ายสะดวกสบายแห่งปัจจุบันสมัย ออกมาเป็นสถานที่ที่ให้อารมณ์ที่นุ่มนวล เป็นมิตร และวิลิศมาหราในสัดส่วนที่พอดิบพอดี อาจจะมีการโปรยปราย Magic เพิ่มลงไปอีกนิดหน่อย
ที่น่าทึ่งก็คือพนักงานได้กระซิบบอกเราว่าทั้งหมดนี้ดูแลการออกแบบโดยคุณอิศร์ เจ้าของเทวาศรมเอง และบางจุดก็ต้องสร้างแล้วทุบแล้วสร้างใหม่หลายครั้งกว่าจะออกมาเป็นหน้าตาแบบที่เราเห็น ฟังแล้วนึกถึงตอนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สร้างพระราชวังแวร์ซายเลยแฮะ
Understated Luxury
ในจำนวน 69 ห้องพักของเทวาศรมนั้น แบ่ง Room Types ได้เป็นหลายแบบเลย ทั้งแบบที่เป็นห้องและเป็นวิลล่า ทุกแบบนั้นเรียบหรูแบบ Understated ไม่โฉ่งฉ่าง เพื่อส่งมอบความสบายและเป็นความส่วนตัวให้กับลูกค้า ทุกแบบจึงมีสเปซที่กว้างขวาง เริ่มต้นที่ 54 ตร.ม.ไปจนถึง 430 ตร.ม.ที่มาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัวยาว 17 เมตรเลยทีเดียว ในช่วงที่เราเข้าพักนั้นมีห้อง 3 แบบที่ยังพอว่างให้เราเข้าไปเก็บภาพมาอวดเพื่อนๆกัน
Seaside Pool Paradise Suite
ห้อง Type นี้อยู่ชั้นล่างติดกับผืนดินและผืนน้ำ เข้ามาครั้งแรกรู้สึกว้าวกับ Floor Plan และการตกแต่งห้องมากๆ แบ่งเป็น 4 โซนหลักที่เปิดทะลุถึงกันได้หมด เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ทางซ้ายมือจะเป็นโซนลิฟวิ่งที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็น โซฟา ทีวี ตู้เย็น มุมเครื่องดื่ม ลำโพงบลูทูธของ BOSE ฯลฯ เราใช้เวลาที่มุมนี้เยอะมากๆ เพราะสบายจริงๆ จะให้นอนบนโซฟาก็คงไม่ติด 5555
ฝั่งตรงข้ามเป็นโซนห้องน้ำที่ใหญ่โตโอ่อ่า สามารถเดินทะลุออกไปยัง Private Marble Pool ที่อยู่ในโซนระเบียงด้านนอกได้เลย เผื่อว่าเราออกไปเดินเล่นแล้วมีทรายติดเนื้อตัวมา ก็สามารถอาบน้ำล้างออกได้โดยไม่ต้องเดินผ่านโซนอื่นๆในห้องให้เลอะเทอะ
มาถึงโซนห้องนอนพร้อมเตียง King Size เปิดม่านไปพบกับระเบียงสระส่วนตัวและวิวของลากูนที่ไหลลงทะเลอันดามัน ความว้าวคือมีอ่างอาบน้ำทรงสวยตั้งอยู่ข้างๆเตียงเลย ทำให้โซนนี้มีความ intimate มากกว่าห้องนอนปกติทั่วไปอีก 2.63 เท่าตัว (อันนี้เรากะแบบมั่วๆเองครับ 555) อย่างที่บอกว่าเลย์เอ้าท์ห้องแต่ละ Type นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบได้ในทันที
Seaside Junior Suite with Jacuzzi
อย่าให้คำว่าจูเนียร์ทำให้คุณคิดว่าห้องประเภทนี้เป็นห้องระดับรอง แม้ขนาดห้องจะเล็กกว่า แต่ลองดู Jacuzzi ที่ระเบียงนั่นเป็นไร ด้วยความที่อยู่ชั้นบนวิวจึงแกรนด์กว่าชั้นล่างเล็กน้อย เห็นทั้งคลองและชายหาด อารมณ์ความหรูหราก็ไม่ได้ด้อยลงไปกว่าห้อง Type อื่นเลย รู้สึกมั้ยว่านอนที่เทวาศรมแล้วเหมือนเราเป็นแขกของพระราชาในนิทานยังไงก็ไม่รู้
Beachfront Pool Villa
ยกระดับความเป็นส่วนตัวขึ้นอีกนิดด้วยวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มองออกไปเห็นวิวหน้าหาดได้เลย โซนลิฟวิ่งที่นี่เป็นเรือนเล็กๆแยกออกไปจากห้องนอนและห้องน้ำให้ความรู้สึก Exclusive มากยิ่งขึ้น เราสามารถนั่งๆนอนๆ อ่านหนังสือ ทำงาน ประชุมผ่าน Zoom อ้อยอิ่งอยู่ในวิลล่าของเราได้ทั้งวัน เบื่อๆก็แช่น้ำฮัมเพลงท่ามกลางความหรูหราใต้เงาต้นมะพร้าว หรือถ้าหิวก็เดินไปหาอะไรอร่อยๆกินได้ที่ Devasom Beach Grill แค่เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
Instagrammable Everywhere
สิ่งที่อาณาจักรสีงาช้างอมเทาแห่งนี้ไม่ขาดแคลนเลย ก็คืองานดีไซน์และความสวยงามของอาคารหลากรูปทรง รวมไปถึงทางเดินที่ทอดยาวท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้ทรอปิคอลนานาชนิด ยืนหนึ่งเรื่องความโฟโต้เจนิค แชะมุมไหนดีมุมนั้น แม้ว่าทางพนักงานจะบอกเราว่าอยากให้แขกมาพักผ่อนมากกว่ามาถ่ายรูป แต่มันก็อดใจยากเหลือเกิน คำถามจึงไม่ใช่ว่ามีมุมไหนให้ถ่ายรูปบ้าง แต่คือจะทำยังไงให้หักห้ามใจหาจังหวะถ่ายรูปแต่พองาม เพราะเราก็ต้องให้เกียรติความเป็นส่วนตัวของแขกคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
นอกจากห้องพัก ห้องอาหาร สระน้ำและหาดทรายซึ่งเป็นจุดยอดนิยมแล้ว ที่นี่ยังมีห้องสมุด ห้อง Fitness ห้องดูแลเด็ก หอดูวิวและสปาด้วย ทั้งยังมีจุดบริการกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายเพื่อเติมเต็ม Devasom Experience ให้กับลูกค้า
Layout ของเทวาศรมจึงมีไดนามิค หลายมุม หลากอารมณ์ หากมองจากมุมนกแล้วจะเห็นว่าที่นี่มีการจัดวางอาคารที่ดูแกรนด์ราวกับเป็นพระราชวังในยุคโบราณจริงๆ
3 จุดถ่ายรูป ICONIC
1. ช่องตึกที่มีหน้าตาเหมือนซุ้มประตูรูปทรงแปลกตาด้านบนสุดของบันไดใกล้สปา ตรงนี้เรามักจะเห็นใครๆก็ชอบไปเล็งหามุมเท่ๆถ่ายรูปกัน
2. กำแพงขั้นบันไดบริเวณสระว่ายน้ำหลักของรีสอร์ท โดยเฉพาะในช่วงบ่ายๆเย็นๆจะมีเงาต้นมะพร้าวทอดลงมาทาบพอดิบพอดี เป็นดั่ง Invitation ให้หลายคนต่อคิวกันปีนขึ้นไปโพสท่าสวยๆเป็นที่ระลึกกันไม่ขาดสาย
3. ลากูนทาวเวอร์ (หวังว่าเราจะจำชื่อไม่ผิดนะครับ 555) หอคอยที่อยู่ถัดจากกำแพงขั้นบันไดขึ้นไปนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยหยด มองเห็นทั้งฝั่งคลอง (ลากูน) และทะเล โดยเฉพาะช่วงตะวันใกล้ตกดินนั้นแสงสวยงดงามจับใจมากครับ
ทุกที่ที่เราเดินผ่านในโรงแรมสามารถถ่ายรูปได้ออกมาสวยหมดเลย
โน้ตเอาไว้เลยว่า ตกเย็นเมื่อไหร่ให้ไปที่ชายหาด
เอ...ที่จริงไม่ต้องโน้ตก็ได้นะครับ เพราะฟ้าทั้งผืนจะโดนแสงตะวันที่กำลังจะจมอันดามันเคลือบให้เป็นสีทองเหลือบฟ้า-ส้ม-ชมพู ซึ่งจะมีพลังดึงดูดทุกคนให้มารวมตัวกันที่หน้าหาดโดยไม่ได้นัดหมายอยู่แล้ว สวยหยาดเยิ้มเหมือนมีใครเอาน้ำผึ้งมาราดฉาบฟิลเตอร์ไว้ ทุกอย่างใน Scene จะอร่ามไปด้วยแสงสีทอง ยิ่งมีฉากหลังเป็นอาคารสวยๆของเทวาศรมแล้ว ยิ่งทำให้ภาพถ่ายดูแพงยิ่งขึ้นไปอีก
Lagoon Tower เป็นอีกจุดที่เราแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตก
คอนเฟิร์มว่าสวยจับใจจริงๆ สีทองเหลือบชมพูของท้องฟ้าเหนือทะเลอันดามันที่เป็นฉากหลังให้กับอาคาร Devasom Beach Grill และสระว่ายน้ำนั้นจะอยู่ในความทรงจำเราไปอีกนานแสนนาน
รับประทานมื้อเย็นกันที่ห้องอาหาร Takola All Day Dining
"ตะโกลา" คือชื่อดั้งเดิมของ "ตะกั่วป่า" เมืองท่าสำคัญตั้งแต่โบราณกาลซึ่งปัจจุบันก็คือชุมชนที่เป็นที่ตั้งรีสอร์ทแห่งนี้นั่นเอง ที่นี่เสิร์ฟอาหารพื้นบ้านที่ปรุงด้วยรสมือพิถีพิถันจนได้รางวัล Bib Gourmand จาก Michelin มาแล้ว เราจึงถือโอกาสไปเปิบพิศดารกับเมนูแนะนำของทางห้องอาหาร บอกเลยอร่อยจนพุงกาง ยิ่งได้นั่งทานในบรรยากาศที่ตกแต่งสวยงามแบบนี้ก็ยิ่งทำให้อัพเลเวลความดีงามขึ้นไปอีก
และนี่ก็คือเมนูทั้งหมดที่เราได้ลิ้มลองนะครับ เริ่มตั้งแต่แกงปูใบชะพลูเสิร์ฟพร้อมหมี่หุ้น (รสชาตินัวกลมกล่อมมากๆ ปูก็สดหวานมากเช่นกัน) น้ำพริกตะโกลา หรือน้ำชุบหยำปักษ์ใต้เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงครบเซ็ต (จัดจ้าน กลิ่นกะปิหอมเตะจมูกเลย กุ้งเสียบที่โรยมาก็กรอบอร่อยจริงๆ) แกงเหลืองปลากะพง (เผ็ดร้อนถึงเครื่องแบบไม่หวงภาพรีสอร์ทหรูเลย) หมูฮ้อง (เปื่อยนุ่มหอมเครื่องเทศหวานเค็มพอดี รู้ตัวอีกทีก็ลืมอ้วนไปแล้ว) กุ้งผัดกะปิ (กุ้งแชบ๊วยนุ่มเด้งผัดกับกะปิพังงาฮ๊อมมม..หอม แถมยังใส่ยอดมะพร้าวอ่อนและต้นกระเทียมลงไปผัดด้วยกันอีก) กับข้าวทั้งหมดถูกทำให้เลิศรสขึ้นไปอีกเมื่อทานคู่กับ "ข้าวดอกข่า" ข้าวพันธุ์พื้นเมืองเฉพาะถิ่นพังงา
ปิดท้ายด้วยของหวานคลาสสิคอย่างบัวลอย 5 สีธรรมชาติจากฟักทอง อัญชัน มันม่วง ใบเตย และแครอท โดดเด่นด้วยกะทิคั้นสด หอมหวานมันถึงใจสุดๆ รสชาติแตกต่างจากกะทิกล่องที่ชาวกรุงคุ้นเคยแบบคนละ League เลย
ลงสระ-แช่อ่างก่อนนอน
ด้วยความอิ่ม (และอืด) จากดินเนอร์รสจัดจ้านสำรับพื้นบ้านที่การันตีด้วย Michelin พอถึงห้อง เราก็แวะเปิดน้ำร้อนเติมลงอ่างในห้องนอนเอาไว้ ก่อนตัดสินใจเปลื้องผ้าลงไปแหวกว่ายในสระหินอ่อนส่วนตัวที่ระเบียงเสียหน่อยเผื่อจะช่วยให้อาหารย่อยได้ดีขึ้นบ้าง และก็ช่วยได้จริงๆด้วยแฮะ น้ำในสระนั้นอุ่นกำลังดี เราจึงว่ายเพลินอยู่พักใหญ่จนหายแน่นพุงเลย
เราโรยเกลือแช่ตัวลงไปในอ่างอาบน้ำ เพื่อคลายความเหนื่อยล้า (จากการ Overindulged มาทั้งวัน... ใช่แล้วครับ เราแก้ปัญหานี้ด้วยการ Indulge ตัวเองทับเข้าไปอีก 555) จากนั้นจึงเติมน้ำมันที่แปรสภาพเป็นน้ำนมลงไปอีกนิดเพื่อบำรุงผิวที่โดนแดดมาทั้งวัน คืนนี้นอนหลับสบายแน่ๆ
Breakfast at Takola
กลับมาที่ห้องอาคาร Takola อีกครั้งในตอนเช้า คราวนี้อารมณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมเหมือนอยู่คนละที่ จากความ Local ก็กลายเป็นความ Inter มากขึ้นด้วยรายการเบรคฟัสต์ที่มีให้เลือกเยอะมากจนกินไม่หวาดไม่ไหวทั้งคาวหวาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูฝรั่ง เอเชีย ขนมจีน ไข่ปรุงหลากหลายแบบ ชีส แฮม เบค่อน ผักสลัด ผลไม้ ซีเรียล มูสลี่ โยเกิร์ต วาฟเฟิ่ล แพนเค้ก ขนมปัง ครัวซองต์ น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โกโก้ทั้งร้อนเย็นชงให้ใหม่เลย แถมพนักงานก็เทคแคร์ดีเหลือเกิน ถามตลอดว่าจะเอาอะไรเพิ่มมั้ย เราแอบอยากสั่งกระเพาะเพิ่มอีกซักหนึ่งอันจะได้กินได้ครบทุกอย่าง
กิจกรรมปั่นจักรยาน
ถนนโค้งที่ลัดเลี้ยวตัดกับทิวมะพร้าว 2 ข้างทางนั้นถ่ายรูปสวยอย่าบอกใคร เราแอบเห็นหลายคนมาเล่น Surf Skate ตามกระแสนิยม แต่เราไม่ได้เตรียมมา ก็เลยใช้บริการขอยืมจักรยานจากทางรีสอร์ทมาปั่นเล่นตามอัธยาศัย ปั่นพอได้เหงื่อ (และได้รูป) ก็วกกลับไปพักผ่อนในแอร์เย็นฉ่ำที่ห้องสักพัก ก่อนจะไปลองเล่นกิจกรรมทางน้ำและทานมื้อกลางวันที่ห้องอาหาร Beach Grill
Water Activities
ใครใคร่พายเรือพาย ใครใคร่พายแพดเดิ้ลบอร์ดก็พายได้เช่นกัน ด้วยความที่ที่นี่มีทั้งคลองและทะเล จึงทำให้เราเลือกกิจกรรมได้ตามความชอบเลย น้ำในคลองค่อนข้างนิ่งและตื้น จึงเพอร์เฟ็คสำหรับมือใหม่ที่ยังกล้าๆกลัวๆกิจกรรมทางน้ำอยู่ แต่ถ้าใครไม่ถนัดจริงๆ แค่มาหามุมโพสต์ท่าถ่ายรูปก็เท่แล้ว เราชอบวิวเนินทรายของที่นี่จัง ได้อารมณ์ Exotic ไปอีกแบบ ประหนึ่งเดินเล่นอยู่ในทะเลทรายแถว Arizona ก็ไม่ปาน
มื้อเที่ยงที่ห้องอาหาร Devasom Beach Grill
มื้อนี้ขอปรับ Mood มาเป็นโทนเมดิเตอเรเนียนนิดนึงครับ อาหารทะเล พิซซ่า พาสต้าต้องมา ห้องอาหาร Devasom Beach Grill นี้ได้รับรางวัล Michelin Plate ซะด้วย การันตีว่าใช้วัตถุดิบจากแหล่งคุณภาพแน่นอน ทั้งกุ้ง หอย หมึก ปูจัดกันมาแน่นโต๊ะ เราแกะกุ้งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ (อ้าว! ไหนว่าเมดิเตอเรเนียน? 555) กันจนมือเลอะไม่เกรงใจใครเลย
ไหนๆมือเลอะแล้วขอหยิบพิซซ่าหม่ำต่อเลยก็แล้วกัน Pizza Prociutto di Parma ถาดนี้ดีงาม เพราะใช้วัตถุดิบจากต้นกำเนิดแท้ๆเลย อย่างที่รู้กันว่า Prosciutto di Parma หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่าพาร์ม่าแฮมนั้นมีความพิเศษหลายอย่าง ของแท้ต้องมีตรา Parma Crown ประทับอยู่ที่น่องแฮมด้วย และที่สำคัญต้องผลิตที่เมือง Parma เท่านั้น จริงๆแล้วตอนเดินเข้ามาเราแอบเห็นเตาปิ้งย่างอันเบ้อเร่อและเตาพิซซ่าทรงอิตาเลียนแท้ๆที่หน้าทางเข้าก็เลยมั่นใจว่าพิซซ่าต้องอร่อยแน่ๆเลย
ตัดเลี่ยนนิดนึงด้วย Devasom Citrus Salad สลัดสไตล์เมดิเตอเรเนียนที่แน่นไปด้วยผักปลอดสารพิษและเนื้อส้ม โรยด้วยเฟต้าชีส ราดด้วยน้ำสลัดที่เคี่ยวมาจากซอสส้มแมนดารินทำให้สดชื่นเปรี้ยวหวานกลมกล่อม ส่วน Spaghetti alle Vongole หรือสปาเก็ตตี้ผัดหอยลายก็หมดภายในเวลาอันรวดเร็ว ตบท้ายด้วยทีรามิสุและกล้วยหอมทอดเป็นอันครบสูตรคาวหวาน
Devasom Spa | Wellness
ถ้าเราจะชมว่าสปาที่นี่สวยมากๆ หวังว่าเพื่อนๆคงไม่เลี่ยนไปซะก่อนนะครับ เพราะเค้าสวยจริงๆ มีทั้งมุมอลังการ และมุมไพรเวทที่สงบเงียบ ที่โดดเด่นก็คือเรือนนวดกลางน้ำซึ่งเราแอบเห็นแว๊บๆจากด้านนอก พอได้เข้ามาสัมผัสจริงๆก็เหมือนกับภาพที่หลุดออกมาจากนิตยสาร Condé Nast ยังไงยังงั้นเลย ล่าสุดสปาที่นี่ยังเพิ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสปาโรงแรมที่ดีที่สุดจาก The Luxury Editor UK อีกด้วย
เมนูสปาที่นี่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของเราเลยครับ ตั้งแต่การนวดไทยและน้ำมันอโรมาเธอราปีที่เราคุ้นเคย ไปจนถึงการปรับสมดุลพลังงานในร่างกายด้วยการใช้หินสีต่างๆวางตามจุดจักระและนวดด้วยวิธีเฉพาะที่เป็น Signature ของเทวาศรม ส่วนเราเลือกการขัดผิวด้วยสครับ/มาสก์มะพร้าว ปรับผิวที่หยาบกร้านให้เนียนนุ่มก่อนจะนวดด้วยน้ำมันมะพร้าวอุ่นร้อนซึ่งช่วยบำรุงตั้งแต่รากผม และผ่อนคลายไปจนถึงฝ่าเท้าเลยล่ะครับ
Main Pool
พอแดดร่มลงตก หลายชีวิตก็เริ่มมาจับจองเตียงรอบๆสระสีฟ้าอ่อนๆ พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ อวดหุ่นสวยในชุดว่ายน้ำและลงไปจุ่มน้ำคลายร้อนเป็นครั้งคราว เราชอบสระของที่นี่เพราะดีไซน์สวยเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะไอเดียการแบ่งโซนด้วยทางเดินเส้นเล็กๆที่ตัดผ่านให้คนสามารถเดินข้ามไปมาได้ ได้ทั้งประโยชน์ และความน่าสนใจไปพร้อมๆกัน และด้วยโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ติดหาด ทำให้เรารู้สึกถึงความต่อเนื่องกับทะเล และในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าได้มีพื้นที่หลบมุมปลอดภัยเวลาเล่นน้ำด้วยเช่นกัน
Beach Life Experience
ไหนๆก็มาที่เทวาศรมแล้ว เราก็อยากได้ประสบการณ์ Beach Life ที่น่าจดจำขึ้นไปอีกขั้น ทางรีสอร์ทเสนอว่ามีแพคเก็จปิกนิกริมหาดให้เลือกได้ 2 แบบ อันแรกคือ Beach Picnic (2,800 บาท/2 คน) ทางเทวาศรมยกเต๊นท์มาตั้งจองพื้นที่ส่วนตัวริมหาดให้เราโดยเฉพาะเลย แถมจัดเซ็ตตะกร้าปิกนิก เวลคัมดริ้งค์ น้ำดื่มสปาร์คลิ่ง คานาเป้ ของว่าง ของหวาน และผลไม้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสื่อชายหาด ผ้าเช็ดตัว และบอดี้บอร์ดให้ลงไปเล่นกับคลื่นทะเลได้ด้วย
ส่วนแบบที่สองจะเป็นเซ็ตเล็กลงมาหน่อย เรียกว่า Beach Life Signature Set (1,400 บาท/2 คน) และความเล็กก็มีประโยชน์นะครับ เพราะทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ทางรีสอร์ทจัดที่ชายหาด ที่ริมสระ หรือที่ห้องพักเลยก็ได้ เซ็ตนี้มาพร้อมกับผ้าปูรองนั่งน่ารักๆ พร้อมกับ Prosecco หรือ Cocktail ตามด้วยน้ำแร่ San Pelligrino โดยมีของว่างกรุบกริบไว้ให้แกล้ม Prosecco ด้วย ทั้งชีส ซาลามี ถั่วต่างๆ และผลไม้หลากสีเสียบไม้เรียงมาสวยๆเลย
Beach Picnic Set
จัดมาพร้อมกับบอดี้บอร์ด ผ้าเช็ดตัวสำหรับพร้อมลงเล่นน้ำกันเลย
Beach Life Signature Set
เซ็ทเบาๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบส่วนตัว แค่สองเรา
ต่อด้วยเล่นบอดี้บอร์ดเบาๆ แต่ที่เบากว่าเราน่าจะเป็นคลื่นในทะเล 5555 ตอนเราไปคลื่นเบาจนแทบไม่มีอะไรให้โต้เลย มือใหม่อย่างเราก็เอาแต่จมมากกว่าลอย เลยปรับกลยุทธ์นิดหน่อย ถือถ่ายเท่ๆไปก่อนก็แล้วกันเนอะ
โปร Beach Life กับเทวาศรม เขาหลัก
มาค้นหาประสบการณ์ใหม่สุดประทับใจ ใช้ชีวิตบีชไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ ช่วงเวลาสวยที่สุด ที่รีสอร์ทสวยสุดของเขาหลัก กับโปรโมชั่น BEACH LIFE ราคาเริ่มต้นเพียง 4,400 บาท/คืน เมื่อพัก 2 คืนขึ้นไป พร้อมรับของขวัญพิเศษทุกการเข้าพัก
🎁 เลือกรับของขวัญพิเศษ เมื่อพัก 2 คืนขึ้นไป:
• Beach Life Signature Set เซตประสบการณ์ริมหาด พร้อมเครื่องดื่มและของว่าง สำหรับ 2 ท่าน หรือ
• เซตอาหารกลางวันที่ห้องอาหารไทย ตะโกลา (Bib Gourmand MICHELIN Guide 2021) สำหรับ 2 ท่าน* หรือ
• สปา เครดิต มูลค่า 1,200 บาท
• พัก 3 คืนขึ้นไป รับเพิ่ม Spa Credit มูลค่า 1,200 บาท
(ต่อห้องต่อการเข้าพัก)
☀️ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย:
• เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าอร่อยหลากหลาย
• ส่วนลดพิเศษ 10% อาหารเครื่องดื่ม และ 20% สปา เวลเนส ตลอดการเข้าพัก
• ฟรี มินิบาร์ (non alc.)
• ฟรี บริการคายัค แพดเดิลบอร์ด บอดี้บอร์ด จักรยาน และฟิตเนส
• ฟรี บริการเจ้าหน้าที่ดูแลเด็ก 1 ชั่วโมงต่อวัน
• ฟรี กิจกรรมในรีสอร์ท Devasom Experience
• ฟรี อินเตอร์เนตความเร็วสูง
• แลกซื้อ บริการรถรับ/ส่งสนามบินภูเก็ต ได้ในราคาพิเศษ 1,200 บาทต่อเที่ยว
สำรองห้องพักได้ทาง
👉 http://bit.ly/devasom-LX20 หรือ
www.devasom.com/khaolak ใส่ Promo Code: LX20
Facebook, E-mail: Devasom Khaolak
📍จองเลย วันนี้ ไม่ต้องรอรัฐ ก่อนห้องเต็ม
🔆 เข้าพักได้ถึง 31 ต.ค. 64
อากาศดี ที่พักดี กิจกรรมดี ช่วงเวลาดีๆ รอคุณอยู่
โพสต์นี้เราขอลาเพื่อนๆไปพร้อมกับ Sunset อันเลอค่าที่เทวาศรมก็แล้วกันนะครับ ก่อนไปขอฝากเพจฮ็อปอะราวนด์ของเราทั้งสองคนไว้ด้วยครับ สัญญาว่าจะผลิตคอนเทนท์ดีๆให้เพื่อนๆได้ติดตามกันบ่อยๆ ถ้าชื่นชอบก็คอมเม้นต์กันได้เลย จะเป็นกำลังใจให้เรามากๆครับ ทริปหน้าเราจะพาไป #hop ที่ไหนก็ติดตามกันต่อยาวๆได้เลยครับ #LetsHoparound to see the world together.
FB/IG: @hoparound.co
Youtube: hoparound.co
Website: www.hoparound.co
Comentarios