COMO Metropolitan Bangkok เรียบเท่กับสเตย์เคชั่นและมื้ออาหารระดับมิชลิน
วันนี้ hoparound.co พาเพื่อนๆมานอนเล่นเปลี่ยนบรรยากาศกันที่โรงแรมหรูผู้นำเทรนด์ Minimalist ซึ่งอยู่คู่สาทรมาตั้งแต่ปี 2003 เราจำได้ว่าตอนที่โรงแรมเปิดตัวใหม่ๆนั้นเป็นที่ฮือฮาในหมู่คนเก๋แห่งเมืองกรุงกันมากทีเดียว แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 20 ปีแล้ว ความ Stylish และบริการที่เป็นเลิศก็ทำให้ COMO Metropolitan Bangkok นั้นยังคงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์ที่ Timeless จนถึงวันนี้ ยิ่งมี ‘NAHM’ (น้ำ) ร้านอาหารไทยมิชลินสตาร์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียติดต่อกันมากว่า 5 ปี มาเป็นดาวเด่นประดับ Property ก็ยิ่งเป็นแรงดึงดูดให้แขกต่างชาติรสนิยมดีเข้ามาพัก ช่วยเติมชีวิตชีวาให้กับโรงแรมแห่งนี้ให้มีคาแรคเตอร์พิเศษมากขึ้นไปอีก
สำหรับ COMO นั้นเป็นแบรนด์โรงแรม Exclusive เน้นดีไซน์งามสง่าเรียบหรูที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของแต่ละโลเคชั่นที่คัดสรรมาอย่างดีใน 9 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ภูฏาน หมู่เกาะฟิจิ หมู่เกาะเติร์กส์แอนด์เคคอส อังกฤษ อิตาลี ออสเตรเลีย มัลดีฟส์ อินโดนีเซีย และไทย โรงแรมของ COMO จึงเป็นมากกว่าที่พัก แต่เป็นดั่งจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์พิเศษจริงๆ
The Arrival
ทันทีที่เลี้ยวรถเข้ามาจากถนนสาทร เราก็รู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัวที่ร่มรื่น ทางเข้าโรงแรมนั้นมีจริตมินิมอลทั้งตัวอาคารและแลนด์สเคปด้านหน้านั้นถูกจัดวางได้อย่างลงตัวสะอาดตา ภายในล็อบบี้คุมโทนขาว-เทา-ดำ ดูนิ่งเท่ โดยมีการแต่งแต้มสีสันและความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สวย พรมสีแสดนั้นก็ช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์ความโฮมมี่ให้กับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อมีบันไดเป็นแบคกราวนด์ก็รู้สึกถึงความเป็นบ้านมากขึ้นไปอีก มองออกไปด้านนอกกระจกเห็นปฏิมากรรมใบบัวเดี่ยวใบใหญ่ที่ทั้งสะท้อนความเป็นไทยและความมินิมอลของ COMO ได้พร้อมๆกัน ที่เก๋ก็คือใกล้ๆกับล็อบบี้มีร้านขายของที่คัดสรรมาโดย Club21 ด้วยแหละ
Our Room
ห้องของเราเป็นห้อง Metropolitan Suite ขนาด 51 ตร.ม. ซึ่งกว้างขวางเป็นสัดส่วนฟังก์ชั่นครบเลยครับ แต่ก็ยังนับเป็นห้องขนาดกลางๆ จากทั้งหมด 7 Room Types ซึ่งมีตั้งแต่ห้อง City Rooms ขนาด 26 ตร.ม.ไปจนถึง COMO Suites เป็น Duplex ขนาดกว้างถึง 240 ตร.ม. ภายในห้องของเรายังคงคุมโทนสีเรียบขรึมเน้นบิวท์อินไม้สีดำตัดกับผนังและเบาะขาว เฟอร์นิเจอร์นั้นมีเส้นสายตรงๆ ยกเว้นบางตัวที่มีความเป็นไทยเพิ่ม Accent เสน่ห์ของกรุงเทพฯให้กับสเปซ ตรงมุมมินิบาร์มีชุดชงกาแฟ Nespresso ให้ และที่น่าสังเกตุก็คือไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำเปล่าไปจนถึง Amenities ต่างๆ ล้วนเป็นแบรนด์ของ COMO เองทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้นั้นช่วยสร้างอัตลักษณ์ให้กับโรงแรมได้เป็นอย่างดี
ก้าวเข้ามาในโซนห้องน้ำ พื้นที่กว้างมากครับให้อารมณ์เหมือนสปา ทั้งหมดแต่งด้วยสีโทนขาวงาช้างดูสว่างแต่ก็อบอุ่น เหมือนตั้งใจให้เป็นคู่หยิน-หยางกับฝั่งห้องนอนซึ่งเน้นสีดำ การจัดสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยก็ได้ดีมากครับ ไล่ตั้งแต่ชักโครก อ่างล้างหน้าบน Counter ขนาดใหญ่ซึ่งทำให้วางของได้สะดวก ไปจนถึงโซน Shower และอ่างอาบน้ำซึ่งก็กว้างขวางเช่นกัน อ่อ…ตรงอ่างอาบน้ำมีมู่ลี่เปิดชมวิวผ่านหน้าต่างขณะแช่น้ำได้ด้วยนะครับ
COMO Shambhala Urban Escape
ศูนย์สุขภาพของ COMO Metropolitan Bangkok นั้นขึ้นชื่อมาช้านานเรื่องโปรแกรมดูแลเฉพาะบุคคลในบรรยากาศมินิมอลลิสต์ที่สะอาดตา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปาเพื่อความผ่อนคลายและความงาม (เสียดายที่คราวนี้เราไม่ได้เข้าไปใช้บริการ เลยไม่ได้เก็บรูปมาฝาก) ไปจนถึงฟิตเนส สำหรับสระว่ายน้ำของที่นี่นั้นยาวถึง 25 เมตร จะลงเล่นน้ำเฉยๆ หรือจะว่ายจริงจังเพื่อออกกำลังก็ได้ทั้งนั้น ที่สำคัญคือค่อนข้างจะมีรั้วรอบขอบชิดเป็นส่วนตัวดีมากครับ แม้แต่ช่วงเสิร์ฟอาหารเช้าที่อาจจะมีแขกมานั่งรับประทานใกล้ๆสระก็ไม่ได้พลุกพล่านขนาดนั้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด สำหรับอาหารเช้าในขณะที่เราเข้าพักยังคงเสิร์ฟแบบ A La Carte ซึ่งเราชอบนะครับ เพราะเป็นการปรุงสดแบบจานต่อจาน ใช้วัตถุดิบดีและปริมาณก็อิ่มเกินพอครับ
NAHM (น้ำ)
วันนี้เรามาสัมผัสประสบการณ์มื้อกลางวันระดับ Michelin Star ที่ร้าน NAHM กันครับ ที่นี่โด่งดังมาตั้งแต่ปี 2011 ภายใต้การดูแลของเชฟ David Thompson โดยใช้เวลาเพียง 3 ปีก็ได้ขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน Asia’s 50 Best Restaurants 2014 และยังถูกยกย่องให้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียโดยสื่อสำนักต่างๆต่อเนื่องกันหลายปีจนถึงปัจจุบัน ในวันนี้เชฟพิม เตชะมวลไววิทย์ เชฟมากฝีมือผู้ผันตัวมาจากอาชีพนักวิจัยแห่ง Silicone Valley ได้สานต่อมรดกร้าน NAHM และความสร้างสรรค์ของเชฟพิมก็ทำให้ NAHM ยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดซึ่งเป็นแรงดึงดูดให้ Foodies จากทั่วโลกมุ่งหมายมาลิ้มลอง เรามาดูกันดีกว่าว่าวันนี้มีอะไรในเมนูที่รอคอยเราอยู่บ้าง
เริ่มต้นด้วย Canape เรียกน้ำย่อยคำเล็กๆอย่าง “ปูซ่อนกลิ่น” ซึ่งเป็นข้าวตังหน้าเนื้อปูเคล้ากับเครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ อร่อยมากครับ กับอีกอย่างคือ “เมี่ยงนพเก้า” ที่เชฟจับเอาเนื้อกุ้งแม่น้ำ เนื้อไก่ มะม่วงดิบ สละ และอื่นๆอีกมากมายมาเสิร์ฟบนใบชะพลู
ต่อกันด้วย Entree กับ “ยำผักผลไม้อย่างทวาย” ซึ่งเป็นเมนูหากินได้ยากจากในรั้ววัง เป็นการคัดเอาผักและผลไม้พื้นถิ่นหลากชนิดมาเคล้าน้ำยำที่ทำจากพริกแกงและกะทิ ทำให้มีรสเข้มข้นและละมุนละไมไปพร้อมๆกัน อีกจานที่เป็น Entree เช่นกันก็คือ “งบทะเล” ห่อใบตองย่างเสิร์ฟพร้อมกับข้าวตัง กินคู่กันอร่อยลงตัวมากเลยครับ
สำหรับ Main Course นั้นมีด้วยกันถึง 5 เมนูได้แก่ “ต้มยำกุ้งกับเห็ดป่า” รสกลมกล่อมซึ่งสูตรของที่นี่ใช้เห็ดภูฏานนะครับ “เนื้อผัดพิโรธ” เนื้อวากิวนุ่มละลายผัดพริกแกงกับยอดมะพร้าวและพริกไทยอ่อน “ผัดผักกูดไฟแดง” เลือกเฉพาะยอดผักกูดอ่อนๆผัดหอมไฟเค็มมันกำลังดี “แกงปูใบชะพลู” เนื้อปูม้าสดๆในเครื่องแกงเหลืองแบบครัวใต้กับใบชะพลูและส้มจี๊ด และสุดท้ายเมนูโปรดของเราเลย นั่นก็คือ “กะปิพล่าพริกไทยอ่อน” น้ำพริกเนื้อกุ้งธรรมชาติจากสงขลาโขลกกับกะปิจากชุมพร เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทยอ่อนและความหอมสดชื่นของส้มซ่า และอื่นๆอีกมากมาย มาพร้อมไข่ต้มและผักแนมนานาชนิด อาหารทั้งหมดเสิร์ฟคู่กับข้าวเขียวอ่อนจากสุพรรณบุรี และข้าวหอมมะลิจากสุรินทร์ ช่างคัดสรรกันจริงๆเลยนะครับ
ปิดท้ายด้วยของหวาน 2 ชนิดที่เชฟวางคอนเส็ปต์ให้วัตถุดิบหลักของไทย 2 อย่างเป็นดาวเด่นนั่นก็คือมะพร้าว (Life Cycle Of Coconut) และข้าว (Temptations Of Rice) นั่นเอง สำหรับเมนูมะพร้าวจะประกอบไปด้วยจานย่อยๆอีกหลายจานทั้งไอศกรีมมะพร้าวกะทิ วุ้นน้ำมะพร้าว ขนมเหนียว และขนมใส่ไส้ เมนูข้าวก็เช่นกันครับ เชฟได้รังสรรค์ทั้งข้าวตู ข้าวหมาก ข้าวเหนียวดำ ข้าวเม่า ไอศกรีมข้าว 5 กษัตริย์ ไปจนถึงข้าวเกรียบว่าวกันเลยทีเดียว ดีงามตั้งแต่คอนเส็ปต์ การปรุง ไปจนถึง Presentation เลยครับ ยังไม่หมดนะครับ เชฟยังแถมซอร์เบต์แตงโม และขนมเบื้องฝอยทองมาส่งท้ายมื้อกันด้วยทำให้มื้อนี้ของเราอร่อยเต็มอิ่มมากครับ
Wrapping Up Our Stay
โรงแรม COMO Metropolitan Bangkok เป็นโรงแรมที่เราใฝ่ฝันอยากมาพักตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น เราจึงดีใจมากที่ได้มาทำให้ฝันเป็นจริงเสียที (แม้จะใช้เวลานานสักนิด) เราปลื้มในความเรียบเท่เหนือกาลเวลาในงานดีไซน์ Minimalistic ของโรงแรมทั้งในห้องพักและในพื้นที่สาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้นเราประทับใจในการบริการที่ให้ความสำคัญกับแขกแบบเฉพาะบุคคล และมาตรฐานที่เสมอต้นเสมอปลายของพนักงานในทุกๆจุดของโรงแรม ยิ่งเมื่อได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารกลางวันประดับดาวมิชลินที่ร้านในตำนานอย่าง NAHM ก็ยิ่งทำให้ประสบการณ์ Staycation ในคราวนี้เป็นประสบการณ์ที่อิ่มเอมใจมากครับ
Comments