ไป #Hop สัมผัสกลิ่นอายล้านนากับความสงบสมดุลกันที่ ATHITA The Hidden Court Chiang Saen Boutique Hotel โรงแรมเล็กๆแต่ละเมียดละไมที่เปิดตัว ณ ริมแม่น้ำโขงกลางเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ATHITA โดดเด่นด้วยการออกแบบและตกแต่งสไตล์ไทยล้านนา การผสมผสานระหว่าง ”อดีต” และ ”ปัจจุบัน” ได้อย่างลงตัว สร้างด้วยไม้สักและอิฐทำมือเกือบทั้งหลัง ที่นี่มีห้องพักเพียงแค่ 9 ห้องเท่านั้น(เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ) แบ่งเป็น 3 room types ได้แก่ Superior Pagoda View, Deluxe Private Garden และ Lotus Garden Suite
ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในซอยเล็กๆที่แยกออกมาจากถนนริมแม่น้ำโขง เพียงเดินจากโรงแรมออกมาประมาณ 100 เมตร ก็จะพบกับทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงที่ห้อมล้อมไปด้วยแนวเขาไกลสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศในยามเช้าที่สงบเยือกเย็นนั้นเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกก็งดงามด้วยสีทองอร่ามในอีกอารมณ์ และพอตกค่ำ ณ ริมน้ำโขงแห่งนี้จะมีร้านอาหารมากมาย มีทั้งปลาน้ำจืดหลากชนิด ไปถึงอาหารพื้นเมืองของชาวเชียงแสน
บรรยากาศล็อบบี้ เมื่อเราเดินเข้ามาเช็คอินทางพี่ๆ ก็จะมาเสริฟน้ำดิ่มสมุนไพรเป็นเวลคัมดริ้ง
เชียงแสนเป็นเมืองสงบที่มีประวัติอันรุ่งโรจน์นับพันปี มีความเป็นมาก่อนยุคสุโขทัย และก่อนที่จะมีการตั้งประเทศไทยเสียอีก วันนี้เชียงแสนเป็นเมืองเล็กๆที่สง่างามด้วยวิถีชีวิตของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่แทรกตัวอยู่ทั่วเมืองและกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนก็คือโบราณสถานอายุนับร้อยนับพันปีเกือบร้อยแห่ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เชียงแสนเป็นเมืองที่เหมาะแก่การปั่นจักรยานเที่ยว เลาะริมแม่น้ำ ชมเมือง เรียนรู้วัฒนธรรมและผู้คน รวมไปถึงแวะสัมผัสความขลังของประวัติศาสตร์อันยาวนานไปพร้อมๆกัน
การที่ ATHITA ตั้งอยู่กลางเมืองก็ทำให้การสำรวจเชียงแสนนั้นเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากการดีไซน์โรงแรมที่งดงามลงตัวแล้ว เรายังประทับใจกับความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวก การบริการที่ใส่ใจเป็นกันเอง ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายไม่อึดอัด และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก (เราแนะนำข้าวต้มหมูตอนเช้า และข้าวจิ๊นเมินตอนกลางวัน) อ่อ! อย่าลืมถาม reception ถึงกิจกรรมในชุมชนที่เขาแนะนำด้วยนะครับ
โถงนั่งเล่นวิวสวน
เมื่อเราได้คีย์การ์ดแล้วก็จะเข้าสู่โซนห้องพักซึ่งมีทั้งหมดสองชั้น โดยชั้นแรกเป็นโถงนั่งเล่น open air และด้านหลังจะเป็นส่วนของห้องพัก ชั้น 1 และขึ้นบันไดไปก็เป็นห้องพักชั้น 2
ห้องพักแบบ Superior Pagoda View
เป็นห้องเริ่มต้น ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ขนาดกว้าง 28 ตร.ม. เป็นวิวสวนหย่อม มีห้องน้ำส่วนตัว สไตล์การตกแต่งจะเป็นแบบไทยๆ จุดเด่นคือ หน้าต่างจะเป็นบานเกร็ดไม้ขนาดใหญ่แบบโบราณซึ่งปัจจุบันนี้จะหาดูได้ยากแล้ว เมื่อเรามองออกจากหน้าต่างจะพบกับวัดอาทิต้นแก้ว อายุมากกว่า 500 ปีแล้วนานมากๆ ซึ่งทางเจ้าของบอกกับเราว่ากำลังจะขอทางกรมศิลป์ช่วยบูรณะขึ้นมาใหม่ด้วยนะ
ห้องแบบ Deluxe Private Garden
ห้องนี้เป็นห้องขนาดกว้าง 31 ตร.ม ตั้งอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม มีแค่ 2 ห้องเท่านั้น จุดเด่นของห้องนี้คือมีอ่างอาบน้ำสีขาวสะอาดตาและมีมุมสวนเล็กๆ ด้านนอกสุดชิลอีกด้วย
ห้องแบบใหญ่ที่สุด Lotus Garden Suite
เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยห้องพักไฮไลท์ของโรงแรมอทิตา ขนาดกว้างถึง 37 ตร.ม จุดเด่นที่สุดของห้องนี้ก็คือ ระเบียงที่มีสระบัว พร้อมโต๊ะเก้าอี้ไว้นั่งเล่น นั่งทำงานก็ได้ด้วยนะ
กิจกรรมทำบุญตักบาตรและไหว้พระที่วัดอาทิต้นแก้ว
อาหารเช้ามื้อสำคัญที่ขาดไม่ได้
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับใครที่จะเลือกพักโรงแรมไหนก็คือ อาหารมื้อเช้าใช่มั้ยครับ วันนี้เราเริ่มต้นวันใหม่กับอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจะให้เราเลือกตั้งแต่เช็คอินว่าอยากทานเป็น Set A อาหารเช้าแบบอเมริกัน พร้อมเซ็ทขนมปัง โยเกิร์ต หรือ Set B ชุดข้าวต้มหมูเห็ดหอม ไข่ลวกพร้อมเครื่องโรยและมีเครื่องดิ่มให้สั่งกันด้วย ทั้งกาแฟ ชา น้ำผลไม้
สระว่ายน้ำซึ่งเป็นจุดเด่นที่เราชอบที่สุดของโรงแรม
สระว่ายน้ำที่นี่เป็นระบบน้ำเกลือ(เราชอบมากกกกก) สีฟ้าสดใส ตกแต่งเรียบง่าย ขอบสระ ขอบบันไดโค้งมน ทำให้ไม่ชนเจ็บง่ายๆ มีมุมล้างตัว มุมนอนอาบแดดซึ่งเป็นส่วนตัวมาก 10 10 10 ไปเลยยยยย จนอยากจะว่ายมันทั้งวันเลยอะ
ชิมอาหารเที่ยงก่อนจะเช็คเอาท์
ก่อนจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเราเลือกทานอาหารมื้อเที่ยงที่โรงแรมซึ่งขอบอกเลยว่าเป็นอาหารไทยผสมผสานที่ อร่อยมากกกกก ลงตัวสุดๆ แถมยังดูพิถีพิถันในการทำมาก ทั้งวัตถุดิบที่สดใหม่ รสชาติอาหารที่ลงตัว การเลือกใช้จาน การจัดจานพรีเซนต์อาหารให้ดูน่าทานสุดๆ
อาหารคาวเราเลือก ข้าวเนื้อตุ๋น ผัดไทย และ ยำหมูยอ ส่วนเครื่องดื่มที่เราเลือกชิมกันก็คือ มะนาวโซดา กับ น้ำมะพร้าวปั่นหอมอร่อยมากๆๆๆ
สรุปความประทับใจกับอทิตา บูธีคโฮเทล
ที่นี่เป็นหนึ่งในบูธีคโฮเทลที่เราประทับใจที่สุดตั้งแต่เคยไปนอนมา(ฟังดูเว่อมั้ย) ไม่ว่าจะด้วยความเป็นส่วนตัว การดีไซน์ตัวโรงแรมที่สื่อถึงคาแร็คเตอร์ของเชียงแสนและเชื่อมโยงเข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ประวัติความเป็นมาของทำเลที่ตั้งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของ “วัดอาทิต้นแก้ว” วัดใหญ่เก่าแก่อายุกว่า 500 ปี (ฟังดูน่ากลัวแต่ของจริงไม่เลย ดูสง่างามมากกว่า) และเป็นที่มาของชื่อ “อาทิตา” ด้วย รวมไปถึงอาหารอร่อยๆและการบริการของพนักงานที่ใส่ใจพอเหมาะพอเจาะกำลังดี ที่สำคัญทางโรงแรมยังมีกิจกรรมท้องถิ่นให้เราเลือกเข้าร่วมกันอีกด้วย
บอกเลยว่าถ้ามีโอกาศเราจะกลับไปอีกแน่นอน ขอบคุณพนักงานทุกคนที่ต้อนรับและให้คำแนะนำพวกเราเป็นอย่างดีตลอดทั้งสองวันเลยนะคร้าบบบ
Athita The Hidden Court
Comments